ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตำนานดงพญาไฟ ประสบการณ์ขนหัวลุกจากตำบลมวกเหล็กในอดีต


"ป้าผ่อง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากตำบลมวกเหล็กในอดีต...สมัยก่อน ดิฉันเป็นเด็กอยู่ตลาดมวกเหล็ก สระบุรี ไข้มาลาเรียชุมมากค่ะ ชาวบ้านเรียกไข้ป่า มีคนเจ็บป่วยล้มตายมากๆ สมัยสงคราม เพราะขาดแคลนยาควินินที่ใช้ป้องกันและรักษา 


ป่าดิบดงดำที่นั่นจึงมีชื่อน่ากลัวว่า "ดงพญาไฟ" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "ดงพญาเย็น" ก็ยังไม่วายมีคนตายด้วยไข้ป่าตามเดิม...เมื่อสงครามสงบ ความเจริญก็เริ่มต้นขึ้นช้าๆ เพราะการคมนาคมยังไม่สะดวกเหมือนปัจจุบัน มีรถไฟเป็นพาหนะอย่างเดียวเท่านั้น ที่ติดต่อระหว่างภาคอีสานกับภาคกลาง ถนนมิตรภาพยังไม่ได้สร้าง คนที่ต้องไปค้าขายหรือติดต่อเยี่ยมเยียน ไปมาหาสู่กันก็ต้องขึ้นรถไฟระยะสั้นๆ อย่าง หินลับ-ทับกวาง-ผาเสด็จ หรือไม่ก็ล่องไปสระบุรีบ้าง ขึ้นโคราชบ้าง ไข้ป่ายังคร่าชีวิตคนไปบ่อยๆ เพราะยาควินินยังหายากและราคาแพง ชาวบ้านมักอาศัยหมอกลางบ้าน ใช้ยาหม้อบ้าง กินน้ำมนต์บ้าง เป็นไข้จับสั่นกันเสียส่วนมาก หน้าเหลืองตัวเหลืองกันแทบทั้งนั้น โดยเฉพาะพวกที่ต้องออกไปทำไร่ข้าวโพด และไร่น้อยหน่า มักจะหนีไข้ป่าไม่ค่อยพ้น ทำงานได้วันสองวันก็จับไข้นอนซม หนาวสะท้าน พอทุเลาก็ต้องออกไปทำไร่อีกแล้ว หลายๆ คนเป็นเรื้อรังนับปีกว่าจะตาย


ขณะนั้น มีคนต่างถิ่นเข้าไปทำมาหากินกันหนาตาขึ้นเรื่อยๆ ทั้งถางป่าทำไร่เลื่อนลอยก็มี ทั้งซื้อของป่าก็มี ไปซื้อสินค้าพวกของกินของใช้ อุปกรณ์ทำไร่จากสระบุรีมาขายบ้าง เป็นแม่ค้าในตลาดบ้าง มีแม่ลูกคู่หนึ่งอพยพจากโคราชมายึดอาชีพซื้อ-ขายของป่าที่นั่น บางทีก็ขนขึ้นรถไฟไปขายที่สระบุรี ตอนนั้นยังเรียกกันว่า "ปากเพรียว" แม่ชื่อนวล เป็นคนขาวสวย รูปร่างสูงโปร่ง อายุ 30 เศษ สามีตายแล้ว ลูกสาวชื่อจริงว่าอะไรไม่ทราบแน่ค่ะ เรียกกันแต่ชื่อเล่นคือ นก หรือ "ไอ้นก" อายุรุ่นเดียวกับดิฉันคือราว 10 ขวบ..."ซิ้มไท" คนมวกเหล็กดั้งเดิม อาชีพค้าขายสนิทสนมกับสองแม่ลูกคู่นี้มาก บางคนก็บอกว่าซิ้มไทเป็นคนชักชวนน้านวลกับลูกสาวมาทำมาหากินที่มวกเหล็กด้วย ซ้ำ...ไม่ช้าดิฉันกับเพื่อนๆ ก็ได้นกมาเป็นเพื่อนใหม่อีกคน น้ำตกมวกเหล็กเป็นเส้นเลือดใหญ่ของพวกเราทั้งตำบลก็ว่าได้ เพราะสายน้ำกลายเป็นลำธารที่ใช้อาบกิน ตอนเช้าและเย็นจะมีคนไปตักน้ำ ซักผ้าและอาบน้ำ พวกเราก็ไปวิ่งเล่นกันแถวๆ นั้น ถ้าอาบน้ำก็ต้องรีบขึ้นค่ะ เพราะใครๆ ก็พูดตรงกันหมดว่า ผีดุ! เชื่อว่าในลำน้ำค่อนข้างเปลี่ยว ดูลึกลับ มีเจ้าพ่อสิงสู่อยู่ช้านานแล้ว ใครเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไปบนบานศาลกล่าว ต้นไทรใหญ่ริมน้ำก็มีผ้าเขียวผ้าแดงผูกอยู่เต็ม ทั้งเก่าและใหม่ มีก้านธูปเกลื่อนกลาด ตอนเย็นเราเคยได้กลิ่นธูปอ้อยอิ่งมาเข้าจมูกบ่อยๆ


มีเสียงลือว่าเจ้าพ่อจะเอาชีวิตผู้หญิงที่ถูกใจไปเป็นเมียปีละ 1 คน พ่อแม่ดิฉันก็เคยเล่าว่าจะต้องมีผู้หญิงจมน้ำตายเป็นประจำทุกปี! น้านวลกับไอ้นกมาอยู่มวกเหล็กได้ราว 6-7 เดือนก็เกิดเรื่องขนหัวลุกขึ้น

สองแม่ลูกไปซักผ้าและอาบน้ำที่นั่นบ่อยๆ วันหนึ่งก็เกิดเป็นไข้ทั้งคู่ เมื่อซิ้มไทกับชาวบ้านรู้ข่าวก็มาเยี่ยม หายามาให้กินตามมีตามเกิด อาการไข้ของสองแม่ลูกก็ทรุดลงทุกที คิดจะนำส่งสุขศาลาที่เมืองปากเพรียวก็สายเกินไปแล้ว น้านวลผ่ายผอมจนน่ากลัว ลูกสาวก็นอนแซ่วอยู่กับที่ มีคนพูดว่าเจ้าพ่อต้องมาเอาตัวไปแน่ๆ ไม่รู้ว่าแม่หรือลูก? เพราะถ้าเป็นไข้ป่าจะจับไข้วันเว้นวัน ไม่ใช่ทรุดหนักจนไม่ได้สติแบบนี้
วันหนึ่ง พ่อแม่กับเพื่อนบ้านก็ไปเยี่ยมไข้ มีซิ้มไทคอยดูแลอยู่ น้านวลที่นอนหลับตาแน่นิ่งก็พลันลืมตาโพลง แผดร้องโหยหวนว่า...ไม่ไป! ฉันไม่ไปด้วยหรอก...เล่นเอาทุกคนสะดุ้งเฮือก หน้าตาซีดเซียวด้วยความหวาดกลัวไปตามๆ กัน ซิ้มไทน้ำตาไหล จุดธูปบอกกล่าวเสียงสั่นเครือว่า "ถ้าเจ้าพ่อต้องการจริงๆ ก็เอาคนลูกไปเถิด แม่ทำมาหากินได้แล้ว อย่าเอาชีวิตไปเลย ไหนจะมีลูกเล็กๆ ที่โคราชอีกสองคนต้องเลี้ยงดู"

ชาวบ้านเพิ่งรู้ว่านกมีน้องที่อยู่กับยายอีกสองคน ข้างน้านวลลุกพรวดขึ้นโบกมือว่อน นัยน์ตาเหลือกลาน ร้องลั่นๆ ไล่ใครที่มองไม่เห็น จนเพื่อนบ้านขนลุกขนชัน เหลียวซ้ายแลขวาไปตามๆ กัน...ได้ยินเสียงลมพัดกราว ยอดไม้สะบัดใบซู่ซ่า ฟังเผินๆ เหมือนเสียงใครกำลังหัวเราะอย่างเบิกบานใจเหลือประมาณ

เชื่อกันว่า ถ้ามีคนเจ็บหนักสองคนในบ้านจะต้องตายหนึ่งคน แม้ซิ้มไทจะวิงวอนเพียงไรก็ไร้ผล...วันรุ่งขึ้นน้านวลก็สิ้นลม ชาวบ้านช่วยกันจัดงานศพให้จนเสร็จสรรพเรียบร้อย นกหายดีแล้ว ซิ้มไทก็ส่งกลับไปอยู่กับยายและน้องๆ ที่โคราชตามเดิม...ไม่เคยได้พบปะกันอีกเลยจนถึงทุกวันนี้

ขอบคุณ : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...