ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เจอดีที่เกาะช้าง...ดันไปเล่นน้ำผิดที่ เลยเจอดีเข้าจนหลอนเลย PANTIP


สวัสดีก่อนเลยนะคับ ผมเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยคับแต่ก็ไม่ลบหลู่นะคับ จนมาเจอกับตัวจังๆทำให้ถึงกับได้เปลี่ยนความคิดไปเลยเริ่มเลยนะคับ

เรื่องมันมีอยู่ว่าผมเป็นคนต่างจังหวัดไปเรียน กทม แล้วมีพี่มีเพื่อนมีน้องชอบชวนไปเที่ยวต่างจังหวัดทำบุญบ้างเที่ยวทะเลบ้าง แต่มีอยู่ครั้งนึงที่ผมหลอนไปเลย เป็นช่วง ปีใหม่พอดี 01/01/11 พอดีผมเรียนจบมาใหม่ๆได้รู้จักน้องคนนึงซึ่งผมสอนเค้าเล่นสนุกเกอร์แล้วเราเริ่มสนิทกันไปไหนมาไหนด้วยกัน จนปีใหม่น้องเค้าจะกลับไปเคาร์ดาวที่บ้านแล้วก็ชวนผมและเพื่อนเค้าอีก2คน(น้องคนนี้ผู้ชายนะคับ อายุห่างกับผม5ปี)เค้าจะเรียกผมว่าป๋า แทนชื่อน้องเค้าว่าบอสละกันนะคับ อีก2คนเป็นเพื่อนที่มหาลัยเค้าผมไม่รู้จักและไม่สนิท ผู้หญิง1และอีกคนเป็นทอม เราได้ก็ได้ไปเที่ยวบ้านบอสด้วยกันที่จังหวัดตราด บอกก่อนว่าบอส ฐานะที่บ้านเค้ามีตังค์พูดง่ายๆคือพ่อรวยประมาณนั้นอะคับ เราเดินทางจากกทมไปตราดช่วงบ่ายถึงประมาณเย็น ไปถึงบ้านบอสพ่อแม่จัดงานปีใหม่พอดี(งานเลี้ยงขอบคุณลูกค้า พ่อเค้าทำธุรกิจค้าไม้และปาล์ม)ไปถึงก็กินก่อนเลยคับ โต๊ะจีนอาหารเยอะมากหลังงานจบก็รีบนอนเพราะเหนื่อยจากการนั่งรถ พวกเราที่มาจากกทมก็ไปนอนบ้านอีกหลังของครอบครัวบอสซึ่งบอสก็ไปนอนกับพวกเราด้วย บ้านบอสหลังนี้2ชั้นคับ ซึ่งนานแล้วที่ไม่มีใครเข้ามาพักเพราะพ่อแม่บอสเค้าต้องพักที่บ้านหลังที่จัดงานเพราะใกล้กับธุระกิจของเค้า 

พอมาถึงต่างคนต่างอาบน้ำแล้วก็นอนตอนนั้นก็ประมาณตี1นอนห้องละ2คนผมนอนกับบอส เปิดแอร์นอนหวังว่าจะนอนให้สบายแต่ก็นอนไม่หลับ ก็เลยชวนบอสไปหาเพื่อนเค้าอีกห้อง เคาะประตูไปเค้าก็นอนกันไม่หลับเราก็เลยนั่งคุยกันว่าพรุ่งนี้จะไปไหนกันหาอะไรอร่อยกิน กันบอสซึ่งเป็นเจ้าบ้านเราแขกผู้มาเยือน บอสเสนอที่จะพาเราไปเที่ยวเกาะช้างไปนอนสัก3คืน เราก็ตกลงกันตามนี้แล้วก็แยกย้ายกันนอนเพราะตอนนี้ก็ตี3กว่าแล้ว เราก็นอนตื่นกันก็10โมงกว่าแล้วก็รีบอาบน้ำออกไปหาไรกินกัน กินเสร็จก็ไปหาพ่อแม่บอสบอกว่าจะไปเที่ยวเกาะช้าง แม่บอสก็บอกว่าไปนอนกันกี่คืนช่วงนี้ปีใหม่คนเยอะเราก็บอกว่า2-3คืน แม่บอสให้เงินมา7000เราก็มีกันอยู่แล้ว แต่แกบอกว่าห้องมันแพงถ้าไม่พอยังไงโทรมาบอกแม่จะโอนให้ (บอสเป็นลูกคนเล็กซึ่งแม่บอสรักมากหวงมาก) เราก็เริ่มไปเกาะช้างโดยแม่บอสเป็นคนไปส่งท่าเรือเฟอร์รี่ขึ้นเรื่อประมาณบ่าย3กว่า ถึงเกาะ4โมงก็ได้รีบกันหาห้องเดินหากัน3-4ที่ เต็มทุกที่ จนมามีอยู่ที่นึงคนขับรถสองแถวบอกว่าที่นี้ไม่เต็มหรอกเพราะถ้าเต็มเค้าก็มีเต้นให้เช่านอน ผมไม่เอยชื่อละกันว่าชื่ออะไร เราก็เห็นว่ามืดแล้วไปถึงก็มีจิงๆด้วยตามที่ลุงเค้าบอก

แต่ห้องเต็มหมดเราเลยเช่าเต้นมา1หลังซึ่งนอนได้6คนหลังใหญ่พอสมควรคับ พอได้ที่พักต่างคนก็อยากเล่นทะเล เช่าเรือแคนนู โดดน้ำเล่นกัน ตอนนั้นก็ประมาณ6โมงวิวสวยมากพระอาทิตตกพอดีแต่เหลือเชื่อมากที่มีแต่เรา4คนที่เล่นน้ำกันคนอืนที่พักที่นี้ไปเล่นน้ำกันที่อื่น แต่เราก็ไม่คิดไรแต่แอบสงสัยนิดๆ หลังจากเล่นน้ำกันเสร็จเกือบทุ่มก็อาบน้ำแล้วทางรีสอร์ทเอาที่ย่างปลามาให้เราก็ออกไปหาปลาและเบียร์มาย่างกินกัน 
กินกันไปมาต่างคนต่างเริ่มเมาก็เริ่มจัดที่ทางนอนกัน4ทุ่มกว่าทุกคนก็นอนกันหมดแล้วแต่ผมยังไม่นอน ผมได้เดินออกไปจากเต้นเพื่อไปฉี่ซึ่งเต็นกับห้องน้ำห่างกัน50เมตรได้ ผมเดินไปและคิดไปในใจว่าทำไมที่อื่นคนเต็มไปด้วยแสง สี  เสียง แต่ทำไมที่นี้ไม่มีใครออกมานั่งกินนั่งเล่นเลย เดินไปถึงห้องน้ำห้องน้ำก็ไม่ค่อยสะอาดเท่าที่ควร และไฟบ้างห้องก็ติดบ้างห้องก็ไม่ติด ผมบอกตอนแรกว่าผมไม่ค่อยกลัวเรื่องแบบนี้แต่พอเจอบรรยากาศที่นี้บอกค่อยเลยว่าผมหลอนมาก บรรยากาศสิ่งแวดล้อม และอีกหลายอย่างทำให้ผมเริ่มกลัว(มีรูปถ่ายประกอบด้วยนะคับที่ถ่ายมาจากที่จิง แต่ลงไม่ได้เดียวผมจะลงให้ตอนท้ายแล้วกันนะคับ) 

หลังจากฉี่ผมก็กลับมานอนซึ่งทุกคนหลับสนิดกันหมดผมเลยนอน พอตอนเช้าประมาณตี5ทุกคนตื่นกันหมดแล้ว แล้วทุกคนก็ปลุกผมบอกว่าวันนี้เราไปหาซื้อทัวร์ไปดำน้ำกันดีกว่าซึ่งเมื่อตอนเย็นที่ผ่านมาตอนบอสไปซื้อปลามาย่างก็ไปถามมาแล้วและนัดจ่ายเงินตอนเช้าเรื่อออก8โมงไป5เกาะหัวละ550พอ6โมงเราทุกคนก็ต่างทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็ได้ออกไปหาไรกินกันและไปจ่ายทัวร์ที่จะไป พอ8โมงรถก็มารับที่รีสอร์ท 
เราตั้งหมด4คน หลังจากไปหาอะไรกินกันเสร็จเราได้มานั่งรอรถที่หน้ารีสอร์ท พอ8โมงรถก็มาตามที่นัดไว้เราต่างพากันขึ้นรถเพื่อที่จะไปลงเรือซึ่งห่างจากรีสอร์ทที่เราพักพอสมควร นั่งรถกันไปคุยกันไปส่วนมากแล้วในรถก็จะมีแต่พวกฝรั่ง คนไทยมีไม่กี่คนหรอกคับ พอถึงเรือเราก็ได้ขึ้นเรือกัน คนมาครบเรือก็ออก (ถ้าใครเคยไปทัวร์ดำน้ำแบบนี้ก็จะเข้าใจว่าในเรือมีอะไรบ้าง) ในเรือก็จะมีอาหารเช้าคือพวกกาแฟ ขนม แล้วอาหารเที่ยง และที่ขาดไม่ได้คือเครื่องดื่มต่างเช่น เบียร์ และน้ำต่างๆคับ แต่เครืองดื่มเหล่านี้ขายนะคับไม่ได้อยู่ในเมนู หลังจากขึ้นเรือไปก็จะมีช่างถ่ายรูปมาถ่าย ผมคิดในใจเลยว่าดีจังมีช่างถ่ายรูปให้ด้วย ที่ไหนได้ตอนกลับเค้านี้แหละก็จะเอารูปที่ถ่ายไว้ตอนเช้าล้างแล้วกลับมาขายเจ้าของภาพแต่ไม่ต้องกลัวคับ เราจะเอาไม่เอาเค้าก็ไม่ว่า 

ต่อนะคับพอเรือเริ่มออกเราก็เดินเล่นกันในเรือดูนั้นดูนี้ตามประสาเด็กๆ ซึ่งไปถึงเกาะแรกเด็กในเรือก็บอกให้ใส่ชูชีพลงไปดูปะการัง พวกคนไทยก็ใส่กันเกือบทุกคนนะคับแต่ฝรั่งจะไม่ใส่กัน แล้วก็ด้วยต่อที่เกาะสองเกาะสาม หลังจากเกาะที่3เราพักกันกินข้าวในเรือตอนนั้นก็บ่ายโมงแล้วพอกินเสร็จ ไปเกาะที่สี่ต่อเลยเราก็รู้สึกว่าจัดเบียร์กินกันคนละกระป๋อง2กระป๋องดีกว่า ไปถึงเกาะที่สี่ผมและบอสและเพื่อนบอสอีก2คนก็ลงเล่นน้ำเหมือนแต่เกาะนี้มีอะไีพิเศษตรงที่เราเห็นผู้หญิงคนนึงใส่บิกีนี่สีเหลืองหุ่นดีมากกกกๆ ซึ่งเค้ามากับแฟนแต่แฟนเค้าก็เฉยๆนะที่รู้ว่าเรามองเค้าอยู่ เค้า2คนเล่นน้ำกันตามปกติ เราก็ว่ายตามเค้านี่แหละจนเด็กเรือบอกว่าเดียวเราจะไปเกาะที่5ต่อให้ทุกคนรีบขึ้นเรือ เราทุกคนก็กลับขึ้นเรือกันแล้วก็ได้มานั่งคุยกับพี่2คนนั้น ซึ่งพี่2คนนั้นน่ารักมากนิสัยดี ผู้ชายเป็นอาจารย์ส่วนผู้หญิงเป็นเซลขายของเล่น คุยกันไปสักพักเราก็ได้เล่าถึงที่พักที่พักอยู่ว่าบรรยายดีแต่เสียดายไม่มีห้องว่างและอีกอย่างไม่ค่อยมีคนเล่นน้ำกัน 


พี่เค้าก็บอกว่า(ชื่อนี้ผมเอยได้นะเพราะไม่มีอะไรเสียหาย)ไปพักที่หาดทรายขาวสิที่พี่พักที่นั้น ห้องเริ่มว่างแล้วและอีกอย่างพี่ก็กลับวันนี้ห้องพี่ว่างและนี้ก็วันที่2มกราแล้วคนเริ่มกลับกันบ้างแล้ว พอเรารู้แบบนั้นก็คุยกัน บอสบอกว่าป๋าย้ายเลยมั้ย ผมบอกไปว่าเออย้ายดีกว่าห้องน้ำก็ไม่สะดวกเงียบก็เงียบ คุยไปคุยมาเราก็ถึงเกาะที่ห้าแล้วแต่เกาะนี้เค้าไม่ดำน้ำนะคับ เค้าให้ลงไปเดินดูลิงและถ่ายรูปกันมาถึงตอนนี้ก็4โมง เดินกันไม่นานก็ขึ้นเรือกลับกัน จำที่บอกว่ากินเบียร์กันได้มั้ยคับผมและบอสกินกันคนละ2กระป๋อง ส่วน2คนเพื่อนบอสกินคนละกระป๋องกินเยอะไม่ได้แพงเกิน555พูดเล่นคับ 

หลังจากมาถึงท่าเรือเราก็ขึ้นรถกลับที่พักกันหวังว่าจะย้ายไปหาดทรายขาวตามที่พี่2คนนั้นบอก เราถึงที่พักก็ประมาณ6โมงเก็บของกันอาบน้ำล้างตัวก็ปาเข้าไป6โมงครึ่งแล้วแต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นคับ เพื่อนบอสที่เป็นผู้หญิงเค้ามีอาการแปลกๆ เริ่มคลานไปมาในเต็นตาเริ่มพลิก ไม่พูดอะไรแต่มีเสียงสะอื้นอยู่ตลอดเวลา เราที่เหลือได้แต่ยืนมองหน้ากันไม่พูอะไร สักแป๊ปเค้าก็หาย หลังจากนั้นผมก็รีบเดินมาก่อนเพื่อจะโบกรถสองแถว บอกก่อนนะคับว่าถ้าเราจะไปหาดทรายขาวเราต้องนั่งย้อนไปทางท่าเรือเฟอร์รี่ตอนที่เราขึ้นมาจากตราด พอเราเดินมารอรถไม่กี่นาทีรถก็มาพอดี ผมบอสและทอมขึ้นมานั่งที่รถโดยผมขึ้นคนแรกนั่งฝั่งหนึ่งและบอสกับทอมนั่งอีกฝั่งหนึ่งไม่ถึง2นาทีรถก็จะออกแต่เพื่อนบอสที่เป็นผู้หญิงก็ยังเดินมาไม่ถึง เราได้ตะโกนบอกว่ามาได้แล้วรถจะออกแล้ว 


แล้วเพื่อนบอสก็เดินมาแต่ที่แปลกคือเค้าเหมือนจะจูงมือใครมาด้วยแต่ไม่ใช่เป็นคนนะแค่ทำมือเหมือนว่าจูงมา แล้วเพื่อนบอสพูดขึ้นมาว่าให้ลุงไปด้วยลุงอยู่นี้มานานแล้วแกอยากไปด้วย บอสก็ถามว่าไหนไม่มีใครนิ เพื่อนก็ตอบกลับมาว่านี้ไง ตอนนั้นบอกได้เลยทุกคนมองหน้ากันเหมือนเดิมเหมือนตอนที่อยู่ในเต็น แล้วก็ไม่พูดอะไรเหมือนเดิม ณ ตอนนั้นผมขนลุกไปทั้งตัวกลัวสุดๆ และเพื่อนบอสก็ขึ้นมาบนรถซึ่งมานั่งข้างผมแต่ไม่นั่งชิดกับผมนะเว้นไว้หนึ่งที่ แล้วพูดว่าลุงนั่งนี้นะ ผมกระโดดไปกอดบอสเลยผมกลัวมากๆ แล้วบอสพูดกับผมว่ากระซิบกับผมว่า ป๋าๆขอกล้องถ่ายรูปหน่อยถ่ายเปิดแฟตแล้วจะเห็น ผมคิดในใจจะจิงหรอ เอาลองดูแล้วกัน ผมเลยให้กล้องไปบอสก็ถ่าย ตกลงเป็นเรื่องจิงคับเห็นเป็นรูปเงาๆเลยคับ เห็นครึ่งตัวเหมือนจะผู้ชายตามที่เพื่อนบอสบอกเลย จากที่ผมกลัวคนเดียวทุกคนก็เริ่มกลัวแล้ว ทันใดนั้นบอสโทรหาแม่บอสให้มารับที่ท่าเรือ เล่าทุกอย่างที่เจอ แม่บอสได้ยินหวงลูกมากบอกให้กลับเลย เดียวผมมาเล่าต่อนะคับนี้พึ่งได้ครึ่งเรื่องเลยอาบน้ำก่อนเดียวถึงที่ทำงานมาเล่าต่อ

ต่อเลยนะคับ ตอนแรกที่พวกเราทุกคนคิดกันว่า จะไปพักต่อที่หาดขาวอีกสัก2คืน ก็เปลี่ยนใจกันว่ากลับบ้านเลยดีกว่า เพราะทุกคนก็ไม่ไหวกันแล้ว กลัวมาก ก่อนที่เราจะไปหาดทรายขาวผมก็คุยกับคนขับรถสองแถวตกลงกันว่าคนละ50รวมๆแล้วก็200เค้าก็โอเค แต่พอเราเปลี่ยนใจที่จะไปท่าเรือเฟอร์รี่ ถามว่าพวกผมต้องเพิ่มคนละเท่าไรเค้าบอกว่าต้องจ่ายในราคาเหมา เพราะนี้ก็เหลือเรือเที่ยวสุดท้ายแล้วและอีกอย่างมันก็ใกล้จะออกแล้ว ตกลงเหมากันในราคา700 ณตอนนั้นนะคับ เท่าไรก็ไปหมดแหละเพราะอีก20นาทีก็1ทุ่มแล้ว เรือจะออกแล้ว ก่อนที่รถจะออกได้มีแขกที่พักใกล้กับเราขอไปลงที่หาดทรายขาวด้วยซึ่งเป็นแขกอินเดีย พ่อและเด็กอีก2คน (รถตอนนั้นรถเราก็เหมาไปแล้ว700แต่ก็สงสารเลยให้ไปด้วย) แต่พอเด็ก2คนนั้นขึ้นรถและพ่อเด็กยิ่งทำให้เรื่องทุกอย่างชัดเจนขึ้นเพราะเค้านั่งเว้นว่างไว้หนึ่งที่และเป็นที่ตรงนั้นด้วย ผมงงตรงที่เค้าเห็นกันหรอแต่ทำไมเราไม่เห็น จะถามก็กลัว ต่อนะคับพอรถออกไปมันก็ปกติดี แต่พอแขกลงที่หาดทรายขาวเราก็ต้องนั่งต่อกันไปท่าเรือเฟอร์รี่4คน บอกก่อนนะคับว่า (ถ้าใครเคยไปเกาะช้างจะรู้ว่าเขามันสูงและชันมาก) 

ระหว่างทางที่ไปเพื่อนบอสเค้าเริ่มมีอาการแปลกๆเปลี่ยนไปอีกแล้วเพราะเค้าเริ่มมีแววตาที่ดุมาก และร้องทุกครั้งที่ผ่านศาลเพียงตา และเชื่อมั้ยว่ามือเค้าไม่จับราวเหล็กหรือจับอะไรเพื่อที่จะยึดเลย ส่วนพวกผมขอให้ผ่านตรงนี้ไปก่อนเพราะมันมีแต่ป่าและเขา แต่ก็ขออีกอย่างว่าเพื่อนบอสอย่ากระโดดหรอตกลงจากรถก็แล้วกัน เราก็ถึงท่าเรือเฟอร์รี่ทุ่มกับ4นาที ท่าเรือเฟอร์รี่มันจะมีประตูผ่านซึ่งผมอยากรู้และปากเสีย เลยถามเพื่อนบอสว่าพวกเรามากันครบยัง เพื่อนบอสบอกว่ามากันครบแล้ว ผมถามต่อว่ากี่คน เค้าตอบว่า5คน 
ตอนนั้นใจเริ่มอยู่ตาตุ่มอีกแล้ว พอพากันเดินไปท่าเรือได้เจอกับผัวเมียคู่หนึ่ง เมียเป็นคนไทยผัวเป็นฝรั่งยืนตกหมึกที่ท่าเรือ ผมถามว่าเรือทุ่มนึงออกไปยังคับพี่ แกบอกว่ายังไม่ออกเพราะเดียวมันจะมาส่งคนแล้วก็ออกไปเลยแต่คงอีกไม่นานคงมาแล้ว และแกถามเรากลับมาว่าพาใครกลับมาด้วย ผมถามว่าพี่เห็นหรอ แกบอกว่าเห็น แต่ตอนนั้นเพื่อนบอสที่เดินมาปกติดี แต่ตอนนี้ร้องและลงไปกอดอยู่กับเสาที่เค้าไว้คล้องเรือ มือแกะกับเสาซึ่งเสานั้นถ้าใครเคยเห็นขนาดของเสาจะเท่ากับต้นมะพร้าวแล้วก็เป็นเหล็ก ตอนที่เพื่อนบอสกอดเสามือนี้แกะเสาอยู่เล็บหักเลือดออก ร้องว่าไม่ไปไม่ไปตาขวางตลอดเวลา 

พี่แกเห็นแบบนั้นก็สงสารเราแกเดินไปที่เพื่อนบอสและเอาพระที่คอแกไปทำอะไรสักอย่างที่เพื่อนบอสแต่ก็เหมือนเดิมเริ่มร้องหนักมากกว่าเดิมเริ่มพูด กูไม่ไปกูไม่ไป พอเรือมาถึง คนที่นั่งเรื่อมาจากฝั่งโน่นลงกันหมดพวกผมก็ขึ้นเรือกันไป แต่เชื่อมั้ยคับพวกผมมัดเพื่อนบอสเพื่อจะให้เค้าขึ้นเรือ แต่เค้าไม่ยอมขึ้น แถมเค้าเป็นผู้หญิงแต่ทำไมเรา3คนเอาไม่อยู่ เราช่วยกันจะพาขึ้นเรือกว่าจะพาขึ้นไปได้ก็เหนื่อยเหมือนกัน พอขึ้นไปชั้นบนที่นั่งผู้โดยสารเพื่อนบอสก็หลับแบบสลบเลย ผมก็ชวนบอสลงมาฉี่ที่ห้องน้ำชั้นล่างของเรือ ตอนนั้นไม่กล้าไปไหนคนเดียวแล้ว 
เราก็ได้บังเอิญไปเจอกับพี่ที่เราไปดำน้ำด้วยกันและที่เค้าแนะนำให้เราไปพักที่หาดทรายขาว เดินเข้ามาทักแล้วบอกว่า อ้าวน้องไหนเห็นบอกว่าจะไปพักต่อที่หาดทรายขาวแล้วทำไมกลับกันแล้วละ ผมก็ตอบว่าเกิดเรื่องแปลกๆเดียวผมเล่าให้ฟัง ผมเลยชวนพี่เค้าขึ้นมานั่งข้างบนแล้วเล่าให้เค้าฟังว่าเรื่องเกิดแบบนี้นะเป็นแบบนั้นนะ เชื่อมั้ยคับเค้าเฉยๆอะ เค้าคงคิดในใจแน่ว่าพวกนี้มันเด็กเลี้ยงแกะแน่ๆ ผมเลยฉวยโอกาศขอแกกลับกทมเลย แกก็ตกลงนะเพราะบ้านแกอยู่ กม8 ส่วนพวกผมอยู่อาแบคเดอะมอลบางกะปิ พอเราลงถึงฝั่งตราดซึ่งแม่บอสก็มารออยู่แล้วและเอาสร้อยคอพระที่ทำมาจากเชือกด้าย เอามาให้ผมเพื่อจะคล้องคอให้เพื่อนบอส แต่ตอนนี้เพื่อนบอสก็ร้องอีก พี่เค้าจากที่เห็นเพื่อนบอสนอนในเรือปกติก็ไม่ได้คิดไร แต่พอตอนนี้เริ่มกลัวแล้วเหมือนกัน ตกลงเราก็ไม่ได้คล้องสร้อยให้เพราะเค้าไม่ยอม เราก็เลยให้เค้านั่งไปรอในรถ (บอกก่อนนะคับว่ารถพี่เค้าฮอนด้าแจ๊ส และในรถก็มีแฟนพี่เค้านั่งอยู่คนเดียวฝั่งข้างคนขับ)และเราก็ให้เพื่อนบอสไปนั่งด้านหลังตรงกลางเบาะ และเราก็มายืนคุยกันกับแม่บอสเล่าเรื่องต่างๆที่เจอว่าเกิดอะไรบ้างแม่บอสก็ถามว่าเราไปทำอะไรไม่ดีมามั้ยหรอลบหลู่อะไรบ้าง เราบอกว่าไม่มีนะ หลังจากคุยเสร็จ ตกลงก็แยกย้ายกันกลับบอสกับแม่ก็กลับบ้านซึ่งไปอีกทางเพื่อเข้าในเมืองตราด เราก็ไปอีกทางเพื่อไปกทม เดียวมาเล่าต่อนะคับใกล้จบแล้ว

ต่อนะคับ หลังจากขับไปได้สัก2-3กิโลเมตร เพื่อมุ่งหน้าไปกทม แฟนพี่คนขับก็พูดกับแฟนเค้าว่ากลับรถไปหาน้องบอสในเมืองตราดก่อนเลย พี่ผู้ชายตอบกลับมาว่าจะวนกลับไปทำไม เราก็มาไกลแล้วนะ พี่ผู้หญิงสวนกลับทันที ไอ้เ_ี้ยกูบอกว่าวนกลับก็วนกลับสิ พวกผมในรถคิดในใจอะไรกันเนี้ย ทอมก็พูดว่า วนกลับเถอะพี่เค้าคงมีเหตุผล แล้วเราก็วนรถกลับไปในเมืองเพื่อที่จะไปบ้านบอส ตอนนั้นผมก็โทรให้บอสกับแม่เค้าจอดรอเพราะผมมาครั้งแรกและอีกอย่างผมก็จำทางไม่ได้ พอมาเจอกับบอสและแม่เค้า เราก็ขับรถเข้าบ้านบอสกัน ซึ่งตอนนั้นก็ประมาณ2ทุ่มครึ่งได้ พ่อบอสได้ให้คนไปรับหมอที่เค้ารู้เรื่องแบบนี้มาทำให้เพื่อนบอสเป็นปกติ พอหมอมาถึงเค้าก็เอาสร้อยคอที่มีพระมาคล้องให้และพรหมน้ำมนต์ เชื่อมั้ยคับว่าเพื่อนบอสตอนนั้นเหมือนคนที่ตื่นจากนอนเลยหน้าตาเค้าแบบเหมือนคนพึ่งตื่นนอนเลย พอทุกอย่างโอเคผมเพื่อนบอสและพี่เจ้าของรถอีก2คนก็ขึ้นรถกลับ กทม กัน ขับไปได้สัก2ชั่วโมงพี่เค้าก็ถามว่าหิวกันมั้ยตอนนี้4ทุ่มเกือบ5ทุ่มหิวกันมากแล้ว เราก็ได้แวะกันกินข้าวต้ม ระหว่างกินผมได้หันไปถามว่าพี่ตอนที่พี่ใช้ให้แฟนพี่วนรถกลับ พี่เห็นอะไรผมเห็นพี่อารมณ์ไม่ดีเลย

พี่เค้าเลยเล่าว่าระหว่างตอนที่พี่รอน้องคุยกับแม่บอสซึ่งพี่อยู่กับเพื่อนบอสในรถ2คน กระจกด้านขวามือด้านหลังมันเปิดเอง ส่วนเพื่อนน้องที่นั้งอยู่ก็ไม่ได้ขยับตัวหรอเอามือไปกดอะไรเลย และอีกอย่างระหว่างที่เราแยกกับบอสมุ่งหน้าไปกทมน้องเค้าจองหน้าพี่ตลอดเวลา แววตาดุมากเหมือนจะเห็นแต่ตาขาวนะ แล้วมือเค้าคล้ายกับจะเปิดประตูรถกระโดดตลอดเวลา พี่เลยกลัวเลยให้วนรถกลับไปหาแม่บอส แล้วเราย้อนกลับมาถามเพื่อนบอสคนที่ผีเข้าว่าทำไมระหว่างทางร้องตลอดทาง เค้าบอกว่าเค้าหลับเค้าไม่รู้เรื่องเลย หลังจากกินเสร็จขึ้นรถกลับกันมาถึงกทม ทุกคนก็ยังสงสัยว่าลุงคนนั้นที่ตามเพื่อนบอสมาเป็นใคร ตอนแรกพวกผมสงสัยว่าคงเป็นสัมพเวสีแถวนั้น หรอไม่ก็คงเป็นเพราะบอสและเพื่อนบอสตอนขากลับจากดำน้ำ เพราะพวกนี้ยืนท้ายรถแล้วตะโกนพูดคุยกันเสียงดัง ซึ่งระแวกนั้นมันเป็นป่าตลอดทาง และอีกอย่างเพื่อนบอสคนนี้มักมีอาการแบบนี้บ่อย(ผีเข้า)เพราะเป็นคนจิตอ่อน 

แต่มีอีกอย่างไม่รู้จะจิงไม่จิงนะคับ พ่อบอสให้คนไปถามมา แล้วได้ความว่าตรงที่เราไปเล่นน้ำ(มีรูปแต่ลงไม่ได้คับ)เคยมีคนจมน้ำตายที่ใต้ต้นหูกวางต้นนั้น ชื่อ รีสอร์ทมี2พยางค์ ชื่อสัตว์นำหน้า #ส่วนรูปภาพลงไม่ได้คับ เข้าไปดูในเฟส Bobby TTs แล้วกันคับเพื่อใครเคยไปจะได้นึกออกวิวสวยมาก ผมโพสครั้งแรกผิดบ้างถูกบ้างขอโทษด้วยนะคับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...