ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

“มีไรให้กูช่วยมั้ย” ช่างคนที่สาม


เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเป็นประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นกับบอย บอยมีอาชีพเป็นช่างทำฝ้าเพดานอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต ก็เป็นลูกจ้างเขาอีกต่อหนึ่ง เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อตอนต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา บอยได้ไปทำฝ้าที่โครงการหนึ่งแถวป่าตอง แล้วก็มีเพื่อนหัวหน้าได้มากระซิบบอกกับบอยว่ารับงานนอกไหม บอยก็เลยบอกไปว่า "รับครับ" งานที่ว่านี้อยู่ในตัวเมืองภูเก็ตเลย อยู่ในซอยซอยหนึ่ง 

พอบอยได้รับรายละเอียดทั้งหมดก็ได้ว่าจ้างเพื่อนคนงานจากพม่าที่ปกติแล้วก็ทำงานอยู่ด้วยกันอีก 2 คน โดยทุกคนจะเริ่มงานหลัง 6 โมงเย็น เพราะจะได้ไม่กระทบงานประจำของโครงการที่ป่าตอง ไปวันแรกพอเห็นสภาพของบ้านโทรมมากๆ แต่ว่าเจ้าของบ้านบอกว่าคนเก่าย้ายไปตอนปีใหม่ บอยก็ไม่คิดอะไร กะว่ารื้อให้เสร็จ โดยเร็วจะได้กลับบ้านไวหน่อย ไฟในบ้านหลังนั้นติดแค่ 2 ดวง นั่นก็คือดวงหน้าบ้านกับหลังบ้าน ตรงกลางบ้านนั้นไฟจะออกสลัวๆ ก้าวแรก ที่บ่อยย่างเข้าไปในตัวบ้านนั้น ก็รู้สึกหวั่นๆใจเนื่องจากหลังบ้านมีบ่อน้ำอยู่ บ่อน้ำนั้นก็เหมือนกับในหนังเรื่อง the ring เลย ดูแล้วน่ากลัว แถมกลิ่นก็ไม่ค่อยจะดีนัก มีประตูมุ้งลวดปิดอยู่ บอยก็เริ่มทำงานจากห้องนอนด้านหลัง ไฟนั้นไม่มีก็เลยต้องเอาสปอตไลท์ของช่างเสียบปลั๊ก เปิดทำงานไปด้วย ตอนระหว่างคลำหาปลั๊กบอยก็เอามือเป็นลูบบริเวณสวิตช์ไฟเพื่อที่จะหาปลั๊กเสียบ แล้วก็รู้สึกเหมือนโดนอะไรเย็นๆ นิ่มๆ คล้ายกับมือคน บอยรีบชักมือออกแล้วก็หันหลังเดินออกจากห้อง ไปเรียกเพื่อนที่อยู่บริเวณหน้าบ้านให้มาเปิดไฟให้

ในตอนนั้นบอยรู้สึกขนลุกไปหมดทั้งตัว หน้าของบอยนั้นถอดสีจนเพื่อนทักว่า "เป็นอะไรหน้าซีด" บอยรีบบอกว่า "ไม่มีอะไร เปิดไฟหน่อย เดี๋ยวจะรื้อหน้าบ้านเอง" หลังจากนั้นเพื่อนอีก 2 คนที่ว่าจ้างมาก็เดินนำไปที่ห้องนอนหลังบ้าน ด้วยความกลัวบวกกับความสงสัยบอยก็เลยเดินตามเข้าไปด้วย พอเพื่อนเข้าไปถึงควานหาสวิตช์ไฟ พอเสียบไฟได้เรียบร้อยไฟสปอตไลท์ก็ติดขึ้น แล้วบอยก็ต้องขนลุกอีกรอบเนื่องจากห้องทั้งห้องนั้นเป็นสีแดง มีเสื่อน้ำมันเป็นลายหมากรุก แต่ว่าเสื่อน้ำมันที่พื้นนั้นถูกตัดแหว่งไปประมาณเกือบจะครึ่งห้อง ได้เห็นแบบนั้นก็เริ่มรู้สึกไม่ดี จึงรีบเดินไปหน้าบ้านลงมือทำงานรื้อฝ้า รื้อไปก็คิดไปถึงสิ่งที่มาสัมผัสมันเหมือนกับมือของคนจริงๆ หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรทำต่อไปจนเสร็จ

ล่วงเข้าวันที่ 2 พอรื้อฝ้าเสร็จก็เอาบันไดมาตอกฉากฝ้า บอยนั้นยึดที่ทำงานจุดเดิมคือจุดที่หน้าบ้าน แล้วก็ให้เพื่อนร่วมงานนั้นไปทำในห้องแทน บอยก็พยายามลืมๆเรื่องเหล่านั้นไป พยายามคิดอะไรเพลินๆแทน แล้วบอยก็ได้ยินเสียงดังโครมๆ บอยรีบวิ่งเข้าไปดูในห้อง ก็ปรากฏว่าไฟดับ ได้ยินเสียงของเพื่อนคนงานร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด บอยก็รีบเปิดไฟฉายมือถือขึ้นมาดู เพื่อนนั้นตกจากบันไดลงมาทับสายไฟสปอตไลท์หลุด เพื่อนคนงานอีกคนหนึ่งก็เลยเดินไปเสียบปลั๊กใหม่ พอไฟติดเพื่อนก็บอกว่าอย่าเพิ่งถามอะไรพาไปหาหมอก่อน บอยก็เลยพาเพื่อนไปโรงพยาบาลเนื่องจากเห็นเลือดตรงบริเวณเหนือส้นเท้าออกมาก ทุกคนก็ทิ้งเครื่องมือเอาไว้ที่นั่นก่อนเลยพอบอยไปถึงโรงพยาบาลเสร็จเรียบร้อยเพื่อนก็เล่าให้ฟังว่า ช่วงตอนที่กำลังตอกฉากอยู่เผอิญว่าตะปูที่อยู่ในกระเป๋าของช่างนั้นหมด ก็เลยจะปีนบันไดลงมาเอาใหม่ ระหว่างลงมานั้นเพื่อนรู้สึกเหมือนเหยียบมือคนก็เลยก้มลงไปดู สิ่งที่เห็นก็คือมีคนคนหนึ่งยืนอยู่ระหว่างบันไดช่างที่กางอยู่ มือข้างหนึ่งจับขาบันไดที่อยู่อีกฝั่งนึงแล้วมืออีกข้างนึงก็ถูกเท้าของเพื่อนเหยียบอยู่ 

แต่สิ่งที่ทำให้มันตกใจมากก็คือคนคนนั้นตัวดำ ไม่มีหน้าตา เพื่อนก็เลยตกใจพลัดตกจากบันได ค่ำวันนั้นบอยก็เลยไม่กล้ากลับไปเอาเครื่องมือที่บ้านหลังนั้น รอจนเช้าซึ่งเป็นวันหยุดของบอย ก็ได้พาเพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งไม่ได้บาดเจ็บกลับไปที่บ้านหลังนั้นด้วยกัน เหลือเพียง 2 คนเนื่องจากอีกคนหนึ่งเจ็บเท้าอยู่ก็เลยไม่มา วันนั้นรีบไปกันแต่เช้ากะทำให้เสร็จเลย ไม่มีอะไรผิดสังเกต ทุกอย่างดำเนินไปตามงานของมันแบบปกติ จนกระทั่งช่วงหลังบ่ายโมง บอยก็ออกไปกินข้าว ส่วนเพื่อนอีกคนหนึ่งนั้นห่อข้าวมาด้วย หลังจากนั้นบอยก็กลับเข้าไปทำงานตามปกติ กะว่าให้เสร็จก่อนค่ำ เพื่อนอีกคนก็ เดินถือเครื่องไม้เครื่องมือออกมาจากห้อง บอกกับบอยว่า "พี่ ในห้องทุกอย่างเสร็จหมดแล้วนะ อ้าว แล้วพี่ไม่ไปกินข้าวหรอ เดี๋ยวผมทำต่อ ข้างนอกนี่ให้เอง" บอยก็ตอบเพื่อนกลับไปว่า "พี่กินแล้ว เนี่ย เพิ่งกลับเข้ามาเอง" เพื่อนนั้นก็ทำหน้าเหวอใส่บอยเลย บอยสังเกตสีหน้าของ เพื่อนได้ว่าไม่ปกติ ก็เลยรีบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ้พื่อนคนงานนั้นก็ถามกลับไปว่า "แล้วพี่ได้เปิดประตูห้องให้ผมหรือเปล่า" บอยได้ยินแบบนั้นก็งง เนื่องจากไม่ได้เดินเข้าไปในตัวบ้านเลย

เพื่อนคนงานบอกต่อว่า ตอนที่กำลังใส่แผ่นฝ้าก็ได้ยินเสียงเหมือนกับมีคนกำลังค้นของในกล่องเครื่องมือดังก๊อกๆแก๊กๆ แล้วก็ปิดประตู ดังปั้ง เพื่อนนั้นก็นึกว่าบอยเดินเข้าไปหาอุปกรณ์ และเนื่องจากไฟในห้องนั้นมันมองไม่ชัดมากเพื่อนก็เลยบอกให้บอยนั้นช่วยเปิดประตูทิ้งเอาไว้ให้ด้วย พอเพื่อนตะโกนบอกแบบนั้นเสร็จประตูห้องก็ถูกเปิดออก บอยรีบบอกกับเพื่อนคนงานว่า "ไม่ใช่แล้ว พี่ออกไปกินข้าวมา แล้วก็ไม่ได้เฉียดเข้าไปที่ประตูห้องนั้นเลย" และงานของบอยที่เหลือนั้นก็มีเพียงแค่ใส้ฝ้า ไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรแล้ว เพื่อนก็คิดว่าบอยนั้นแกล้ง บอยก็เลยแกล้งเออ ออ ยิ้มๆไป แต่ว่ารู้ในใจว่าไม่ได้เข้าไปแน่นอน สักพักหนึ่งพี่เจ้าของบ้านหลังนั้นก็มาพอดี บอยก็เลยขอเบิกค่าแรงก่อนเพราะว่าเดี๋ยวก็จะเสร็จงานแล้วเหลืออีกนิดเดียวเท่านั้น เจ้าของบ้านนั้นก็ให้เงินมาตามตกลง บอยก็เลยแบ่งเงินค่าแรงให้กับเพื่อน

ตอนที่กำลังแบ่งเงินกันนั้นมีเสียงดังขึ้นจากหลังบ้านดัง ตุ้บ ดังมากๆ บอยรีบไปดูแต่ไม่เห็นอะไร แต่ว่าเจ้าของบ้านนั้นไม่ดูงานเลยพอให้เงินค่าแรงเสร็จก็รีบขึ้นรถ บอกแค่ว่าให้ปิดประตูบ้านด้วยนะ แล้วก็รีบขับรถออกไปอย่างเร็ว บอยก็ได้แต่งงๆ รีบลงมือทำงานที่เหลืออีกนิดหน่อยให้เสร็จ พองานเสร็จทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยบอยก็ปิดประตูบ้าน ก็ได้เอาเครื่องมือทั้งหมดขึ้นรถ หางตาของบอยก็ได้ไปสะดุดกับสิ่งหนึ่งที่มองผ่านบานเกร็ดหน้าบ้านออกมา มีร่างร่างหนึ่ง ร่างใหญ่ อยู่ในบ้าน ร่างนั้นเป็นสีดำ ดำสนิทเลย บอยไม่คิดที่จะเห็นภาพแบบนั้นคนเดียวจึงรีบสะกิดเพื่อนอีกคนนึงให้ดู แต่ว่าร่างนั้นก็หายไปแล้ว บอยจึงรีบกลับ แล้วเหตุการณ์ทุกอย่างก็ผ่านไปไม่มีอะไร และก็ไม่ได้ถามคนแถวนั้นว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับบ้านหลังนี้

เวลาผ่านไปเกือบเดือน วันนั้นเป็นวันเงินเดือนออก หัวหน้าก็เลยพาคนงานไปเลี้ยงข้าว ก็นั่งกินนั่งคุยกันไปเรื่อย จนกระทั่งคนงานคนหนึ่งซึ่งไปทำงานกับบอยแล้วพลัดตกบันไดบาดเจ็บ ได้ก็บอกกับหัวหน้าว่า "ผมเคยเจอผีบ้านเพื่อนหัวหน้า" หัวหน้านั้นก็ถามว่า "อย่าบอกนะ ว่าพวกเมิงไปทำฝ้าบ้านมันในเมือง" เพื่อนคนงานที่ขาบาดเจ็บนั้นก็รีบหันมามองหน้าบอย บอยก็เลยบอกว่า "ใช่ครับ ตั้งแต่ต้นเดือน" หัวหน้านั้นถามกับบอยว่า "แล้วเมิงเจออะไรบ้างไหม" บอยก็เลยบอกว่า "ไม่เจอครับ ทำไมหรอ" ทีนี้หัวหน้าก็เลยเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ตอนเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว เจ้าของบ้านเข้าไปเก็บค่าเช่าบ้านที่บ้านหลังนั้น แต่ว่าประตูมันล็อค เจ้าของบ้านก็เลยเอากุญแจสำรองไขเข้าไป แค่เปิดประตูเท่านั้น กลิ่นเหม็นเน่าก็พุ่งปะทะออกมาทันที เจ้าของบ้านไม่เข้าไปในตัวบ้าน แต่ว่าได้แจ้งตำรวจ เจ้าหน้าที่มา เจ้าหน้าที่มูลนิธิก็มา สภาพศพนั้น ไม่ต้องพูดถึง เน่าจนดำ

เรื่องก็มีอยู่ว่า มีผู้ชายอยู่คนหนึ่งเป็นคนเช่าห้อง แล้วเค้าก็มาอยู่กับแฟน ซึ่งแฟนเขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน แล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไง มายังไง อยู่ดีๆชายผู้เช่าห้องนั้นก็กลับกลายเป็นศพ เพื่อนบ้านละแวกนั้นบอกว่าได้กลิ่นมาหลายวันแล้ว แต่ตอนแรกคิดว่าเป็นน้ำเน่าคลอง หลังบ้าน ไม่ได้คิดว่ามีคนตาย เนื่องจากรถนั้นไม่อยู่ก็คิดว่าไปทำงาน และเพื่อนบ้านแถวนั้นบางคนก็ยังเห็นผู้ที่เสียชีวิตนั้นเดินไปเดินมาอยู่

ในบ้าน ส่วนแฟนของผู้เสียชีวิตนั้นก็หนีหายไปเป็นเดือนแล้ว เจ้าของบ้านหลังนั้นเคยติดต่อหัวหน้าให้ไปทำฝ้าที่บ้านหลังนั้นให้ แต่ว่าหลังจาก ดูสภาพแล้ว หัวหน้าไม่ทำ เนื่องจากดูออกว่าผู้ตายนั้นถูกผูกคออยู่กับฝ้าส่วนกลางตรงหลอดไฟกลางบ้าน มันพังลงมาหมด บอยก็เลยหันหน้า ไปมองกับเพื่อนที่ไปทำงานด้วยกันที่เหลือ แล้วก็คิดได้อย่างเดียวว่า สิ่งที่พวกตนได้เจอนั้นไม่ใช่คนแน่ๆ เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ