สวัสดีครับ นี้เป็นการเล่าเรื่องครั้งแรก ถ้าไม่เข้าใจอะไรอย่าพึ่งว่ากันนะครับ ปกติผมเป็นคนที่พูดอะไรเข้าใจยากอยู่แล้ว 555+
มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนผมฝึกงานอยู่ ปี 4 ถ้าย้อนไปก็ประมาณ 4 ปีที่แล้วก็ปี พ.ศ. 2556 ช่วงปี 4 เป็นช่วงที่นักศึกษาทุกคนจะต้องฝึกงานแล้ว ซึ่งทางคณะทางคณะเขาก็จะมี Contract ของโรงแรมที่เขาคุยกันไว้อยู่แล้ว ซึ่งเรียกกันว่า MOU แต่หนึ่งในนั้นมีของ การบินไทย ด้วยซึ้งเป็นที่หมายตาของนักศึกษาหลายๆคนที่จะได้ไปทำงานกับสายการบินนี้ แล้วเขารับจำนวนจำกัดและด้วยถ้าผมจำไม่ผิดประมาณ 30 คนเห็นจะได้ ด้วยความโชคดีของผม ผมได้เป็น 1 ใน 30 คนนั้น สำหรับ MOU การบินไทยจะต่างจาก MOU ของที่อื่น เพราะที่นี้ทางคณะเขาจะมีการจัดห้องเช่าไว้ให้นักศึกษาฝึกงาน เนื่องจากสถานที่ฝึกงานอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่สถาบันที่เราศึกษาอยู่ฝั่งธน MOU ที่อื่นจะส่วนใหญ่จะอยู่ในเมืองเดินทางสะดวก ทางคณะเลยไม่จำเป็นต้องจัดหาห้องเช่าให้ เราจะต้องฝึกงานที่สนามบินเป็นเวลา 3 เดือน ใน 30 คนนี้เป็นเพื่อนต่างห้องกัน มีห้องเดียวกับผมไม่กี่คนและก็เป็นผู้หญิง แต่เวลาจับคู่รูมเมท เขาให้จับเป็น หญิงหญิง ชายชาย ผมจึงได้อยู่กับเพื่อนต่างห้อง
ในตอนแรกมีนักศึกษาประมาณ 30 คน สละสิทธิ์ไป 2 คน เหลือ 28 คน แต่มาเพิ่มจาก ศุยน์ต่างจังหวัดอีก 2 คนเป็นชายกับหญิง แต่ไม่ใช่ผู้ชายแท้เลยแอบๆอยู่กัน เพราะเขาห้ามนอนแบบ ชายหญิง เพราะป้องกันกรณีชู้สาว หอพักที่เราอยู่ เป็นหอพักทั่วไป ไม่ใช่ของทางสถาบัน มี 4 ชั้นไม่มีลิฟท์ บันไดทางขึ้นอยู่ตรงกลางแล้วห้องแบ่งเป็นซ้าย-ขวา และเป็นห้องหันหน้าชนกัน อีกฝั่งติดถนน อีกฝั่งเป็นป่า ซึ่งกลุ่มนักศึกษาฝึกงานอยู่กันชั้น 3 ฝั่งขวามือถ้าขึ้นบันไดมา พื้นทางเดินเป็นหินอ่อน ประดูห้องเป็นประตูไม้ฉะลุลายเหมือนตามบ้านทั่วไป โดยปกติแล้ว ตัวผมเองไม่แน่ใจว่า มีเซนต์รึเปล่า เพราะบางครั้งก็รู้สึกได้ บางครั้งก็เห็นแบบแวปๆ (เกิดวันจันทร์) ผมเป็นคนไม่ชอบแขวนพระหรือห้อยพระ ผมคิดเสมอว่าพระเราอยู่ที่ใจ แล้วเราเป็นคนดีสิ่งศักสิทธิ์จะคุ้มครองเราเอง มีอะไรผมจะนึกถึงแม่ตลอดครับ ห้องผมอยู่ติดกับถนน ของไม่บอกเลขห้องนะครับ
แต่ครั้งแรกที่เปิดประตูเข้าไปก็รู้สึกปกตินะครับลมแรงเพราะหน้าตึกเป็นพื้นที่โล่งเลยไม่ได้คิดอะไร ยังสนุกสนานกับการรู้จักเพื่อนใหม่ๆคล้ายๆมาเข้าค่าย 555+ สภาพในห้องถ้าเปิดประตูไป ประตูทางเข้าจะตรงกับประตูระเบียง ถัดจากระเบียงมาทางซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ ทางซ้ายมือของประตูทางเข้าเป็นตู้เสื้อผ้าไม้แบบบานเลื่อนบิวท์อิน เตียงเป็นเตียงเหล็กใต้ถุนเปิดถัดจากเตียงก็คือโต๊ะเครื่องแป้งละก็ห้องน้ำ ด้วยความที่ผมยังไม่สนิทกับทางรูมเมท ผมก็เลยเสียสละนอนกับพื้นแล้วให้รูมเมทนอนเตียงไปคนเดียว (จริงแล้วผมเป็นคนนอนดิ้นเลยไม่อยากนอนกับใคร) ปกติผมเป็นคนที่ไม่ค่อยกลัวผีมากนัก แต่ถ้าอะไรที่เลี่ยงให้ไม่เจอได้ก็จะเลี่ยง เช่นที่นี้ ผมกลัวใต้เตียงผมก็หากระเป๋าหรือกล่องมาปิดใต้เตียงที่ผมนอนไว้ กลัวว่ากลางดึกตื่นมาจะมาคนมานอนตะแคงข้างมองอยู่ใต้เตียงครับ 555+ ในคืนแรกก็นอนไม่ค่อยหลับแหละครับ ผมก็สวดมนต์ก่อนนอน รูมเมทผมเขาเป็นเกย์ เขาก็เล่นแคมฟอกไปบนเตียง(ใส่หูฟัง) ผมก็สวดมนต์ละก็นอน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นตี 5 เพื่อนไปฝึกงาน (ทางสถานบันจะมีรถตู้รับ-ส่ง จากที่พักไปสนามบิน)
คืนแรกไม่มีอะไร น่าจะเหนื่อยจากการขนของ คืนที่สองก็ปกติ แต่คืนที่ 3 ครับ คือไอ้รูทเมทผมเนีย บ้านมันอยู่แถวนี้ ห่างจากหอพักไปไม่ไกลมากประมาณ 4-5 โลได้ ละเวลา Day off มันก็ชอบจะกลับบ้าน โดยที่ไม่ถามสุขภาพผมเลยว่าอยู่คนเดียวได้ไหม และมันก็กลับบ้านไปทิ้งให้ผมอยู่ในนอนคนเดียว แต่ผมก็ไม่สนใจอะไรครับ ความรู้สึกก็คือห้องเงียบมากจะมีก็แต่เสียงรถบรรทุตกหลุมละเสียงมันดังเป็นระยะเท่านั้น ซึ่งบางครั้งมันก็ทำให้ผมตกใจ ในคืนนั้นผมนอนตะแคงข้างไปทางใต้เตียง(มีกล่องปิดอยู่แล้ว) และผมก็ฝัน
ในความฝันความรู้สึกคือผมหลับตาอยู่ แต่เหมือนว่าอยู่ๆภาพที่เห็นมันจะฝ้าๆขาวๆเหมือนหมอกหนา สักพักก็มีเสียง หวอดับเพลิง จับต้นเสียงได้ดังมาจาก ห้องฝั่งซ้ายของตึก(ที่บอกตอนแรกห้องผมอยู่ทางขวาถ้าขึ้นมาทางบันไดกลาง) เสียงดังมาจากทางซ้ายของตึกเหมือนมันค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆๆๆๆ แล้วจู่ๆเห็นภาพเด็กคนนึงเป็นเงาเทาๆอายุคราวๆน่าจะประมาณ 6-7 ขวบ วิ่งมาจากทางต้นเสียง ละวิ่งไล่มาจากทางซ้ายของตึกมาทางฝั่งห้องของผม แล้วตะโกนว่า ไฟไหม้ ไฟไหม้ๆๆๆๆๆ ละก็วิ่งมา สักพักความรู้สึกผมช๊อคหนักมากเมื่อเสียงนั้นมาอยู่ข้างผมที่นอนตะแคงข้างอยู่ละตะโกนใส่ข้างหูผมพูดว่า ไฟไหม้ๆๆๆๆๆ พร้อมกับโดดแบบกระทืบเท้า จังหวะผมก็สะดุงแล้วลืมตาขึ้นมา ผมยังคงสภาพเดิมคือนอนตะแคงข้างไปทางใต้เตียง ละนึกอยู่ว่าที่รู้สึกฝันไปใช่ไหม? ผมหายใจลึกๆละค่อยๆพลิกตัวมามองทาง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ แต่เหงือผมแตกเติมเลย ทั้งๆที่เปิดแอร์ มองนาฬิกาประมาณตี 1 กว่าๆ ผมนอนไม่หลับเลยครับจนถึง ตี 2 ครึ่ง เลยหยิบตะกรุดมาแขวนคอไว้ละก็หลับไป พอตื่นเช้ามาก็ไม่พูดลืมเรื่องนั้นไปครับเลยไม่ได้เล่าให้ใครฟัง
ผมก็ฝึกงานไปได้ 1 เดือน ในระหว่างที่เพื่อนผมกลับบ้านผมจะเอาตะกรุดมาแขวนคอละนอนอยู่ทุกครั้ง ในวันหยุดผม ผมก็อยู่ห้องคนเดียวในตอนกลางวัน สักช่วงกลางวันชอบจะได้ยิ่งเสียงเหมือนลูกแก้วตกลงบนพื้นละกระเด้งละกระเด้งถี่ๆละก็เงียบไปอยู่บ่อยๆจากห้องข้างบนผมคือชั้น 4 ปกติผมไปทำงานก็จะกลับมาก็เย็นก็จะไม่ค่อยได้ยินเสียง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรคือว่าคงเป็นเด็กเล็กของเล่นทั่วไป จนเวลาไปผ่านไปจะ 2 เดือน ทางพวกเราก็สนิทกันมากขึ้นก็นั่งคุยกันไปทั่ว แต่ไม่มีใครพูดเรื่องเล้นลับเลย มาวันนึ่งไอ้เพื่อนตัวดีผมมันไม่สบายเป็นทอมซินอักเสบ ต้องนอนโรงพยาบาลเกือบอาทิตย์ 3-4 วันแรกผมนอนหลับปกติใส่ตะกรุดนอน แต่มาคืนที่ 5 นี้แหละที่มันไม่ปกติ ผมนอนตะแคงข้างหันไปใต้เตียงตามปกติ ผมเป็นคนชอบนอนตะแคงข้าง เพราะเคยได้ยินมาว่า ถ้านอนหงายจะโดนผีอ้ำ ผมเลยไม่ชอบนอนหงาย จริงรึเปล่าผมไม่รู้น่ะ แค่อะไรที่เลี่ยงไม่เจอได้ผมก็จะเลี่ยง
ในขณะที่ผมนอนอยู่รู้สึกปวดเบาก็เลยลุกมาเข้าห้องน้ำมองเวลาก็ประมาณ ตี 2 ใกล้ตี 3 และเวลากลางคืนผมจะไม่เปิดไฟห้องน้ำเวลาเข้าไปปวดเบา เพราะมีแสงไฟจากถนนเพียงพอเห็นลางๆ หลังจากเสร็จธุระผมก็เดินคลำๆกลับมานอนต่อ พอหลับตาไปสักพักรู้สึกว่าทำไม ถนนมันเงียบผิดปรกติ ไม่มีเสียงรถบรรทุกวิ่งเสียงดังเหมือนยังเคย แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรก็นอนหลับต่อ ไม่เกิน 2 นาทีที่ผมหลับตาลง ก็มีเสียง กึก...กึก....กึกๆ ผมก็ตั้งสติในทั้งทีแต่ยังไม่ลืมตา ฟังว่าเสียงอะไรมาจากไหน แต่เสียงก็เงียบไป สักพักก็มาอีก แต่คราวนี้ผมได้ยินชัดเลยว่าเป็นเสียง เล็บเคาะกับไม้ !!! แต่สงสัยไปว่าข้างห้องหรือข้างบนห้องทำอะไรกันดึกๆ เสียงก็ยังดัง แต่ไม่ดังมากจนผมตั้งใจฟังดีๆ เห้ย เสียงจากตู้ไม้ข้างหลังผมนี้เอง !!! ผมรวบรวมความกล้าพลิกตัวกลับมาแต่ยังไม่ลืมตานะครับ
แล้วผมก็ค่อยๆลืมตา ละสิ่งที่ผมเห็นคือตู้ไม้กำมันกำลังเปิดออกมาแล้วก็มีเงาดำๆ ระบุไม่ได้ว่าชายหรือหญิงรอดผ่านช่องนั้นออกมา แต่เหมือนมาแค่ท่อนบนละออกมานอกตู้ละค่อยๆพยุงตัวขึ้นมาอยู่หน้าตู้ ละก็นิ่งเหมือนมองมาทีผมแล้วเหมือนมีเสียงหายใจออกมาด้วยครับ ซึ่งผมก็ยังคงช็อกและมองไปทีเขาเหมือนกัน และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ เงาดำๆนั้น มันค่อยๆเลื้อยไปเลื้อยมาอยู่กับที่ในขณะที่มีแค่ท่อนบนเท่านั้น ผมกลัวมากจนขนหัวลุกแบบรู้สึกได้เลยครับ เงาดำๆนั้นอยู่นานมาก ผมนึกในใจว่าขนาดเราแขวนตะกรุดยังเจออีก ละก็จะเอามือล่วงตะกรุดออกมาเพื่อจะให้เงานั้นกลัวซึ้งผมไม่รู้ว่าเงานั้นคืออะไร
แต่ใจหายวาบเลยครับ ในคอไม่มีตะกรุดอยู่ นึกได้ว่าตอนเย็นอาบน้ำละถอดวางไว้หน้ากระจก ที่นี้ละครับ กลัวหนักวกว่าเดิมอีก ไม่มีที่พึ่งแล้ว อีกทั้งเงาดำๆก็ยังเลื้อยไปเลี้อยมาอยู่อย่างนั้นพร้อมเสียงลมหายใจจากเงานั้น บอกเลยตอนนี้ขนหัวลุกน้ำตาไหลแล้วก็โมโหตัวเองว่าทำไมไม่แขวนตะกรุด เลยตัดสินใจตะโกนด่าไปว่า...ไม่รู้หรอกนะว่าทำอะไรให้ ผีก็อยู่ส่วนผีสิว่ะ จะมายุ่งอะไรกับคน ไป !! จะไปไหนก็ไป !!! อย่ามากวน !!! พอสิ้นเสียงเท่านั้นแหละ มีเสียงลมหายใจในลำคอ ละมันก็ค่อยๆหายไป ด้วยความเพลียจากการร้องไห้และก็ความกดดันบวกกับเหนื่อยล้าจากการทำงานมา ผมก็ภาพตัดไปเลยครับ ตื่นมาอีกทีเพื่อนมาเคาะห้องเรียกว่ารถจะออกแล้ว แต่งตัวเสร็จยัง คือผมตื่นสายครับ เลยให้รถไปก่อน แล้วรีบอาบน้ำละค่อยตามไปทีหลัง เรื่องนี้ผมเก็บเงียบมา 3 วัน
จนวันนึ่งไปนั่งเล่นกันที่ห้องเพื่อน เพื่อนผญที่มาจากศูยน์ต่างจังหวัดก็เล่าเหตุการณ์แปลกๆให้ฟังว่า...ตอนวันหยุดที่ไม่ได้ไปฝึกงานเพื่อนผมก็นอนบนเตียงปกติรูปแบบห้องคล้ายๆกับห้องผม ในขณะที่นอนอยู่เพื่อนผมปิดประตูห้องทั้งหมดไม่ได้เปิดไฟนอน เพื่อนผมก็สะลืมสะลือ มองไปทางมุมประตูทางเข้า เห็นเหงาคนยืนอยู่ตรงมุมห้อง ย้ำนะครับว่ากลางวัน แล้วเงานั้นก็พุงเข้ามาใส่ตัวเพื่อนผม ขยับไม่ได้ สักพักโทรศัพท์เพื่อนผมก็ดังขึ้น ปรากฏว่าแฟนเพื่อนผมโทรมามันก็ฝืนรับโทรศัพท์ละบอกว่าช่วยด้วยๆ ช่วยด้วยๆ โดนไรไม่รู้ขยับไม่ได้ สักพักสายก็ตัดไป แล้วความรู้สึกหนักก็หนักขึ้นเรื่อยๆจนหายใจไม่ออก แล้วเพื่อนผมกลั้นใจเอามือทุบไปข้างหน้าเพื่อนให้โดนเงาที่กำลังกดทับตัวเพื่อนผมอยู่ แล้วเพื่อนผมก็สะดุ้งตื่น
สรุปคือเพื่อนผมฝัน แต่มันบอกว่าเป็นฝันที่เหนื่อยแล้วเหมือนจะใจจะขาดจริงๆ แล้วมันก็รีบหยิบโทรศัพท์มาดู ปรากฏว่าไม่มีคนโทรเข้าเลยแม้แต่สายเดียว เวลาที่เพื่อนผมตื่นพอดีกลับเพื่อนคนอื่นๆกลับมาจากทำงานกันสักพักแล้ว รูมเมทเพื่อนผมมันก็กลับบ้าน มันก็รีบเปิดประตูห้องละเดินมาหาเพื่อนที่อยู่ห้องฝั่งตรงข้ามผม พอแค่ว่า ห้องกูร้อน ขอนอนห้องหน่อยนะ ซึ้งเพื่อนผมก็ไม่ได้เอ่ะใจอะไร และนี้คือสิ่งที่เพื่อนผมเจอจนทำให้ไม่กล้านอนกลางวันคนเดียวอีก ผมก็ได้โอกาสเล่าเรื่องผมให้พวกนั้นฟังเลยตอนนั้นเวลาประมาณ 5 ทุ่มจะเที่ยงคืนหลังจากที่ฟังเรื่องผมจบ ไม่มีใครกลับห้องนอนของตัวเองเลยครับ เอาของมานอนรวมกันห้องเดียวประมาณ 8 คน (ในรุ่นนั้นก็จะสนิทกันแค่ประมาณ 10 กว่าคนครับที่คุยกันได้ทุกเรื่อง) แต่เรื่องไม่จบแค่นั้นครับ เพื่อนห้องฝั่งข้ามผม เป็นผู้หญิง 2 คน แล้วมีคนนึ่งเป็นผู้หญิงแบบห้าวๆ ไม่ใช่ทอมนะครับ แบบผู้หญิงสวยนี้แหละครับแต่นิสัยเหมือนผู้ชาย มันก็พูดเล่นๆว่า กูก็อยากจะเจอจัง อยากรู้ว่าจะมีจริงไหม?
วันต่อมาเพื่อนผมคนที่พูดมันก็เล่าให้ฟังว่าเวลาประมาณบ่ายๆ มันก็นอนหลับอยู่ นอนติดกำแพงลักษณะห้องนี้เตียงจะติดกับประตูทางเข้าครับซึ้งมันหยุดตรงกับรูมเมทมันพอดีมันก็นอนอยู่แล้วรูมเมทก็ นั่งดูดซีรีย์เกาหลี(ใส่หูฟัง) ในขณะที่มันหลับอยู่ มันก็ฝันว่ามีคนเสียงผู้หญิง 2 คนคุยกันจากทางบันไดกลางเดินมาทางฝั่งห้องมันจับใจความที่คุยกันได้ว่า...มันมีจริงๆนะ อิอิ(เสียงหัวเราะ) มันมีจริงๆ มันมีจริงๆนะ อิอิ(เสียงหัวเราะ) มันมีจริงๆ พูดแบบนี้มาเรื่อยๆจนมาหยุดตรงที่เพื่อนผมมันนอนอยู่พอดีซึ่งจุดที่มันนอนติดกับกำแพงแล้วกำแพงนั้นก็ติดกับทางเดิน
หลังจากเงียบไปสักพักเสียงก็ดังขึ้นว่า มันมีจริงๆนะ อิอิ(เสียงหัวเราะ) มันมีจริงๆ !! แต่เหมือนกับมากรอกข้างๆหอเลย แล้วมันก็รู้สึกชาไล่จากขาขึ้นมา มันก็พยายามดิ้นไปดิ้นมา ร้องก็ร้องไม่ออก รูมเมทก็ไม่ได้ยินเพราะใส่หูฟัง สุดท้ายก็ต้านแรงไม่ไหว ก็เลยนึกขึ้นในใจว่า อะ จะทำไรก็ทำ เหนื่อยแล้ว ไม่ไหวแล้ว สักพักแรงนั้นก็หายไป เพื่อนผมมันก็ลุกขึ้นมานั่งอย่างไว มันบอกว่าเสื้อนี้เปียกเหงื่อไปหมดเลย.... หลังจากนั้นเราก็หาวันไปทำบุญกัน แล้วก็ค่อยหาพวงมาลัยมาไว้ศาลเจ้าที่ของที่หอละก็หอเตียงนอนอยู่บ่อยๆ ก็ไม่ค่อยเจออะไร จะมีก็แต่เสียงลูกแก้วที่บอกเคยบอกไปนี้แหละครับ วันสุดท้ายก่อนจะขนของกลับก็เลยชวนรูมเมทผมขึ้นไปดูกันข้างบนชั้น 4 ว่ามีคนอยู่ไหม? ปรากฏว่า ห้องที่อยู่ข้างบนห้องผม ที่ผมได้ยินเสียงลูกแก้วหล่นนั้นใส่ลูกกุญแจแล้วมีฝุ่นเหมือนไม่มีคนอยู่ ผมกับเพื่อนได้แต่มองหน้ากันยิ้มและเดินกลับมา...เรื่องพวกนี้ก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่ทุกวันนี้เพราะผมไม่กล้าไปถามกับคนดูแลเพราะผมก็คงไม่ได้ไปนอนที่นั้นอีกแล้ว...จบแล้วครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น