ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เรื่องหลอนๆตอนฝึกงาน หอพักแถวร่มเกล้า - PANTIP


สวัสดีครับ นี้เป็นการเล่าเรื่องครั้งแรก ถ้าไม่เข้าใจอะไรอย่าพึ่งว่ากันนะครับ ปกติผมเป็นคนที่พูดอะไรเข้าใจยากอยู่แล้ว 555+ 

มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนผมฝึกงานอยู่ ปี 4 ถ้าย้อนไปก็ประมาณ 4 ปีที่แล้วก็ปี พ.ศ. 2556 ช่วงปี 4 เป็นช่วงที่นักศึกษาทุกคนจะต้องฝึกงานแล้ว ซึ่งทางคณะทางคณะเขาก็จะมี Contract ของโรงแรมที่เขาคุยกันไว้อยู่แล้ว ซึ่งเรียกกันว่า MOU  แต่หนึ่งในนั้นมีของ การบินไทย ด้วยซึ้งเป็นที่หมายตาของนักศึกษาหลายๆคนที่จะได้ไปทำงานกับสายการบินนี้ แล้วเขารับจำนวนจำกัดและด้วยถ้าผมจำไม่ผิดประมาณ 30 คนเห็นจะได้ ด้วยความโชคดีของผม ผมได้เป็น 1 ใน 30 คนนั้น สำหรับ MOU การบินไทยจะต่างจาก MOU ของที่อื่น เพราะที่นี้ทางคณะเขาจะมีการจัดห้องเช่าไว้ให้นักศึกษาฝึกงาน เนื่องจากสถานที่ฝึกงานอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่สถาบันที่เราศึกษาอยู่ฝั่งธน MOU ที่อื่นจะส่วนใหญ่จะอยู่ในเมืองเดินทางสะดวก ทางคณะเลยไม่จำเป็นต้องจัดหาห้องเช่าให้ เราจะต้องฝึกงานที่สนามบินเป็นเวลา 3 เดือน ใน 30 คนนี้เป็นเพื่อนต่างห้องกัน มีห้องเดียวกับผมไม่กี่คนและก็เป็นผู้หญิง แต่เวลาจับคู่รูมเมท เขาให้จับเป็น หญิงหญิง ชายชาย ผมจึงได้อยู่กับเพื่อนต่างห้อง 

ในตอนแรกมีนักศึกษาประมาณ 30 คน สละสิทธิ์ไป 2 คน เหลือ 28 คน แต่มาเพิ่มจาก ศุยน์ต่างจังหวัดอีก 2 คนเป็นชายกับหญิง แต่ไม่ใช่ผู้ชายแท้เลยแอบๆอยู่กัน เพราะเขาห้ามนอนแบบ ชายหญิง เพราะป้องกันกรณีชู้สาว หอพักที่เราอยู่ เป็นหอพักทั่วไป ไม่ใช่ของทางสถาบัน มี 4 ชั้นไม่มีลิฟท์ บันไดทางขึ้นอยู่ตรงกลางแล้วห้องแบ่งเป็นซ้าย-ขวา และเป็นห้องหันหน้าชนกัน อีกฝั่งติดถนน อีกฝั่งเป็นป่า ซึ่งกลุ่มนักศึกษาฝึกงานอยู่กันชั้น 3 ฝั่งขวามือถ้าขึ้นบันไดมา พื้นทางเดินเป็นหินอ่อน ประดูห้องเป็นประตูไม้ฉะลุลายเหมือนตามบ้านทั่วไป โดยปกติแล้ว ตัวผมเองไม่แน่ใจว่า มีเซนต์รึเปล่า เพราะบางครั้งก็รู้สึกได้ บางครั้งก็เห็นแบบแวปๆ (เกิดวันจันทร์) ผมเป็นคนไม่ชอบแขวนพระหรือห้อยพระ ผมคิดเสมอว่าพระเราอยู่ที่ใจ แล้วเราเป็นคนดีสิ่งศักสิทธิ์จะคุ้มครองเราเอง มีอะไรผมจะนึกถึงแม่ตลอดครับ ห้องผมอยู่ติดกับถนน ของไม่บอกเลขห้องนะครับ 

แต่ครั้งแรกที่เปิดประตูเข้าไปก็รู้สึกปกตินะครับลมแรงเพราะหน้าตึกเป็นพื้นที่โล่งเลยไม่ได้คิดอะไร ยังสนุกสนานกับการรู้จักเพื่อนใหม่ๆคล้ายๆมาเข้าค่าย 555+ สภาพในห้องถ้าเปิดประตูไป ประตูทางเข้าจะตรงกับประตูระเบียง ถัดจากระเบียงมาทางซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ ทางซ้ายมือของประตูทางเข้าเป็นตู้เสื้อผ้าไม้แบบบานเลื่อนบิวท์อิน เตียงเป็นเตียงเหล็กใต้ถุนเปิดถัดจากเตียงก็คือโต๊ะเครื่องแป้งละก็ห้องน้ำ ด้วยความที่ผมยังไม่สนิทกับทางรูมเมท ผมก็เลยเสียสละนอนกับพื้นแล้วให้รูมเมทนอนเตียงไปคนเดียว (จริงแล้วผมเป็นคนนอนดิ้นเลยไม่อยากนอนกับใคร) ปกติผมเป็นคนที่ไม่ค่อยกลัวผีมากนัก แต่ถ้าอะไรที่เลี่ยงให้ไม่เจอได้ก็จะเลี่ยง เช่นที่นี้ ผมกลัวใต้เตียงผมก็หากระเป๋าหรือกล่องมาปิดใต้เตียงที่ผมนอนไว้ กลัวว่ากลางดึกตื่นมาจะมาคนมานอนตะแคงข้างมองอยู่ใต้เตียงครับ 555+ ในคืนแรกก็นอนไม่ค่อยหลับแหละครับ ผมก็สวดมนต์ก่อนนอน รูมเมทผมเขาเป็นเกย์ เขาก็เล่นแคมฟอกไปบนเตียง(ใส่หูฟัง) ผมก็สวดมนต์ละก็นอน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นตี 5 เพื่อนไปฝึกงาน (ทางสถานบันจะมีรถตู้รับ-ส่ง จากที่พักไปสนามบิน) 

คืนแรกไม่มีอะไร น่าจะเหนื่อยจากการขนของ คืนที่สองก็ปกติ แต่คืนที่ 3 ครับ คือไอ้รูทเมทผมเนีย บ้านมันอยู่แถวนี้ ห่างจากหอพักไปไม่ไกลมากประมาณ 4-5 โลได้ ละเวลา Day off มันก็ชอบจะกลับบ้าน โดยที่ไม่ถามสุขภาพผมเลยว่าอยู่คนเดียวได้ไหม และมันก็กลับบ้านไปทิ้งให้ผมอยู่ในนอนคนเดียว แต่ผมก็ไม่สนใจอะไรครับ ความรู้สึกก็คือห้องเงียบมากจะมีก็แต่เสียงรถบรรทุตกหลุมละเสียงมันดังเป็นระยะเท่านั้น ซึ่งบางครั้งมันก็ทำให้ผมตกใจ ในคืนนั้นผมนอนตะแคงข้างไปทางใต้เตียง(มีกล่องปิดอยู่แล้ว) และผมก็ฝัน 

ในความฝันความรู้สึกคือผมหลับตาอยู่ แต่เหมือนว่าอยู่ๆภาพที่เห็นมันจะฝ้าๆขาวๆเหมือนหมอกหนา สักพักก็มีเสียง หวอดับเพลิง จับต้นเสียงได้ดังมาจาก ห้องฝั่งซ้ายของตึก(ที่บอกตอนแรกห้องผมอยู่ทางขวาถ้าขึ้นมาทางบันไดกลาง) เสียงดังมาจากทางซ้ายของตึกเหมือนมันค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆๆๆๆ แล้วจู่ๆเห็นภาพเด็กคนนึงเป็นเงาเทาๆอายุคราวๆน่าจะประมาณ 6-7 ขวบ วิ่งมาจากทางต้นเสียง ละวิ่งไล่มาจากทางซ้ายของตึกมาทางฝั่งห้องของผม แล้วตะโกนว่า ไฟไหม้ ไฟไหม้ๆๆๆๆๆ ละก็วิ่งมา สักพักความรู้สึกผมช๊อคหนักมากเมื่อเสียงนั้นมาอยู่ข้างผมที่นอนตะแคงข้างอยู่ละตะโกนใส่ข้างหูผมพูดว่า ไฟไหม้ๆๆๆๆๆ พร้อมกับโดดแบบกระทืบเท้า จังหวะผมก็สะดุงแล้วลืมตาขึ้นมา ผมยังคงสภาพเดิมคือนอนตะแคงข้างไปทางใต้เตียง ละนึกอยู่ว่าที่รู้สึกฝันไปใช่ไหม? ผมหายใจลึกๆละค่อยๆพลิกตัวมามองทาง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ แต่เหงือผมแตกเติมเลย ทั้งๆที่เปิดแอร์ มองนาฬิกาประมาณตี 1 กว่าๆ ผมนอนไม่หลับเลยครับจนถึง ตี 2 ครึ่ง เลยหยิบตะกรุดมาแขวนคอไว้ละก็หลับไป พอตื่นเช้ามาก็ไม่พูดลืมเรื่องนั้นไปครับเลยไม่ได้เล่าให้ใครฟัง

ผมก็ฝึกงานไปได้ 1 เดือน ในระหว่างที่เพื่อนผมกลับบ้านผมจะเอาตะกรุดมาแขวนคอละนอนอยู่ทุกครั้ง ในวันหยุดผม ผมก็อยู่ห้องคนเดียวในตอนกลางวัน สักช่วงกลางวันชอบจะได้ยิ่งเสียงเหมือนลูกแก้วตกลงบนพื้นละกระเด้งละกระเด้งถี่ๆละก็เงียบไปอยู่บ่อยๆจากห้องข้างบนผมคือชั้น 4 ปกติผมไปทำงานก็จะกลับมาก็เย็นก็จะไม่ค่อยได้ยินเสียง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรคือว่าคงเป็นเด็กเล็กของเล่นทั่วไป จนเวลาไปผ่านไปจะ 2 เดือน ทางพวกเราก็สนิทกันมากขึ้นก็นั่งคุยกันไปทั่ว แต่ไม่มีใครพูดเรื่องเล้นลับเลย มาวันนึ่งไอ้เพื่อนตัวดีผมมันไม่สบายเป็นทอมซินอักเสบ ต้องนอนโรงพยาบาลเกือบอาทิตย์ 3-4 วันแรกผมนอนหลับปกติใส่ตะกรุดนอน แต่มาคืนที่ 5 นี้แหละที่มันไม่ปกติ ผมนอนตะแคงข้างหันไปใต้เตียงตามปกติ ผมเป็นคนชอบนอนตะแคงข้าง เพราะเคยได้ยินมาว่า ถ้านอนหงายจะโดนผีอ้ำ ผมเลยไม่ชอบนอนหงาย จริงรึเปล่าผมไม่รู้น่ะ แค่อะไรที่เลี่ยงไม่เจอได้ผมก็จะเลี่ยง 

ในขณะที่ผมนอนอยู่รู้สึกปวดเบาก็เลยลุกมาเข้าห้องน้ำมองเวลาก็ประมาณ ตี 2 ใกล้ตี 3 และเวลากลางคืนผมจะไม่เปิดไฟห้องน้ำเวลาเข้าไปปวดเบา เพราะมีแสงไฟจากถนนเพียงพอเห็นลางๆ หลังจากเสร็จธุระผมก็เดินคลำๆกลับมานอนต่อ พอหลับตาไปสักพักรู้สึกว่าทำไม ถนนมันเงียบผิดปรกติ ไม่มีเสียงรถบรรทุกวิ่งเสียงดังเหมือนยังเคย แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรก็นอนหลับต่อ ไม่เกิน 2 นาทีที่ผมหลับตาลง ก็มีเสียง กึก...กึก....กึกๆ ผมก็ตั้งสติในทั้งทีแต่ยังไม่ลืมตา ฟังว่าเสียงอะไรมาจากไหน แต่เสียงก็เงียบไป สักพักก็มาอีก แต่คราวนี้ผมได้ยินชัดเลยว่าเป็นเสียง เล็บเคาะกับไม้ !!! แต่สงสัยไปว่าข้างห้องหรือข้างบนห้องทำอะไรกันดึกๆ เสียงก็ยังดัง แต่ไม่ดังมากจนผมตั้งใจฟังดีๆ เห้ย เสียงจากตู้ไม้ข้างหลังผมนี้เอง !!! ผมรวบรวมความกล้าพลิกตัวกลับมาแต่ยังไม่ลืมตานะครับ 

แล้วผมก็ค่อยๆลืมตา ละสิ่งที่ผมเห็นคือตู้ไม้กำมันกำลังเปิดออกมาแล้วก็มีเงาดำๆ ระบุไม่ได้ว่าชายหรือหญิงรอดผ่านช่องนั้นออกมา แต่เหมือนมาแค่ท่อนบนละออกมานอกตู้ละค่อยๆพยุงตัวขึ้นมาอยู่หน้าตู้ ละก็นิ่งเหมือนมองมาทีผมแล้วเหมือนมีเสียงหายใจออกมาด้วยครับ ซึ่งผมก็ยังคงช็อกและมองไปทีเขาเหมือนกัน และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ เงาดำๆนั้น มันค่อยๆเลื้อยไปเลื้อยมาอยู่กับที่ในขณะที่มีแค่ท่อนบนเท่านั้น ผมกลัวมากจนขนหัวลุกแบบรู้สึกได้เลยครับ เงาดำๆนั้นอยู่นานมาก ผมนึกในใจว่าขนาดเราแขวนตะกรุดยังเจออีก ละก็จะเอามือล่วงตะกรุดออกมาเพื่อจะให้เงานั้นกลัวซึ้งผมไม่รู้ว่าเงานั้นคืออะไร 

แต่ใจหายวาบเลยครับ ในคอไม่มีตะกรุดอยู่ นึกได้ว่าตอนเย็นอาบน้ำละถอดวางไว้หน้ากระจก ที่นี้ละครับ กลัวหนักวกว่าเดิมอีก ไม่มีที่พึ่งแล้ว อีกทั้งเงาดำๆก็ยังเลื้อยไปเลี้อยมาอยู่อย่างนั้นพร้อมเสียงลมหายใจจากเงานั้น บอกเลยตอนนี้ขนหัวลุกน้ำตาไหลแล้วก็โมโหตัวเองว่าทำไมไม่แขวนตะกรุด เลยตัดสินใจตะโกนด่าไปว่า...ไม่รู้หรอกนะว่าทำอะไรให้ ผีก็อยู่ส่วนผีสิว่ะ จะมายุ่งอะไรกับคน ไป !! จะไปไหนก็ไป !!! อย่ามากวน !!! พอสิ้นเสียงเท่านั้นแหละ มีเสียงลมหายใจในลำคอ ละมันก็ค่อยๆหายไป ด้วยความเพลียจากการร้องไห้และก็ความกดดันบวกกับเหนื่อยล้าจากการทำงานมา ผมก็ภาพตัดไปเลยครับ ตื่นมาอีกทีเพื่อนมาเคาะห้องเรียกว่ารถจะออกแล้ว แต่งตัวเสร็จยัง คือผมตื่นสายครับ เลยให้รถไปก่อน แล้วรีบอาบน้ำละค่อยตามไปทีหลัง เรื่องนี้ผมเก็บเงียบมา 3 วัน

จนวันนึ่งไปนั่งเล่นกันที่ห้องเพื่อน เพื่อนผญที่มาจากศูยน์ต่างจังหวัดก็เล่าเหตุการณ์แปลกๆให้ฟังว่า...ตอนวันหยุดที่ไม่ได้ไปฝึกงานเพื่อนผมก็นอนบนเตียงปกติรูปแบบห้องคล้ายๆกับห้องผม ในขณะที่นอนอยู่เพื่อนผมปิดประตูห้องทั้งหมดไม่ได้เปิดไฟนอน เพื่อนผมก็สะลืมสะลือ มองไปทางมุมประตูทางเข้า เห็นเหงาคนยืนอยู่ตรงมุมห้อง ย้ำนะครับว่ากลางวัน แล้วเงานั้นก็พุงเข้ามาใส่ตัวเพื่อนผม ขยับไม่ได้ สักพักโทรศัพท์เพื่อนผมก็ดังขึ้น ปรากฏว่าแฟนเพื่อนผมโทรมามันก็ฝืนรับโทรศัพท์ละบอกว่าช่วยด้วยๆ ช่วยด้วยๆ โดนไรไม่รู้ขยับไม่ได้ สักพักสายก็ตัดไป แล้วความรู้สึกหนักก็หนักขึ้นเรื่อยๆจนหายใจไม่ออก แล้วเพื่อนผมกลั้นใจเอามือทุบไปข้างหน้าเพื่อนให้โดนเงาที่กำลังกดทับตัวเพื่อนผมอยู่ แล้วเพื่อนผมก็สะดุ้งตื่น 

สรุปคือเพื่อนผมฝัน แต่มันบอกว่าเป็นฝันที่เหนื่อยแล้วเหมือนจะใจจะขาดจริงๆ แล้วมันก็รีบหยิบโทรศัพท์มาดู ปรากฏว่าไม่มีคนโทรเข้าเลยแม้แต่สายเดียว เวลาที่เพื่อนผมตื่นพอดีกลับเพื่อนคนอื่นๆกลับมาจากทำงานกันสักพักแล้ว รูมเมทเพื่อนผมมันก็กลับบ้าน มันก็รีบเปิดประตูห้องละเดินมาหาเพื่อนที่อยู่ห้องฝั่งตรงข้ามผม พอแค่ว่า ห้องกูร้อน ขอนอนห้องหน่อยนะ ซึ้งเพื่อนผมก็ไม่ได้เอ่ะใจอะไร และนี้คือสิ่งที่เพื่อนผมเจอจนทำให้ไม่กล้านอนกลางวันคนเดียวอีก ผมก็ได้โอกาสเล่าเรื่องผมให้พวกนั้นฟังเลยตอนนั้นเวลาประมาณ 5 ทุ่มจะเที่ยงคืนหลังจากที่ฟังเรื่องผมจบ ไม่มีใครกลับห้องนอนของตัวเองเลยครับ เอาของมานอนรวมกันห้องเดียวประมาณ 8 คน (ในรุ่นนั้นก็จะสนิทกันแค่ประมาณ 10 กว่าคนครับที่คุยกันได้ทุกเรื่อง) แต่เรื่องไม่จบแค่นั้นครับ เพื่อนห้องฝั่งข้ามผม เป็นผู้หญิง 2 คน แล้วมีคนนึ่งเป็นผู้หญิงแบบห้าวๆ ไม่ใช่ทอมนะครับ แบบผู้หญิงสวยนี้แหละครับแต่นิสัยเหมือนผู้ชาย มันก็พูดเล่นๆว่า กูก็อยากจะเจอจัง อยากรู้ว่าจะมีจริงไหม? 
        
วันต่อมาเพื่อนผมคนที่พูดมันก็เล่าให้ฟังว่าเวลาประมาณบ่ายๆ มันก็นอนหลับอยู่ นอนติดกำแพงลักษณะห้องนี้เตียงจะติดกับประตูทางเข้าครับซึ้งมันหยุดตรงกับรูมเมทมันพอดีมันก็นอนอยู่แล้วรูมเมทก็ นั่งดูดซีรีย์เกาหลี(ใส่หูฟัง) ในขณะที่มันหลับอยู่ มันก็ฝันว่ามีคนเสียงผู้หญิง 2 คนคุยกันจากทางบันไดกลางเดินมาทางฝั่งห้องมันจับใจความที่คุยกันได้ว่า...มันมีจริงๆนะ อิอิ(เสียงหัวเราะ) มันมีจริงๆ มันมีจริงๆนะ อิอิ(เสียงหัวเราะ) มันมีจริงๆ พูดแบบนี้มาเรื่อยๆจนมาหยุดตรงที่เพื่อนผมมันนอนอยู่พอดีซึ่งจุดที่มันนอนติดกับกำแพงแล้วกำแพงนั้นก็ติดกับทางเดิน 



หลังจากเงียบไปสักพักเสียงก็ดังขึ้นว่า มันมีจริงๆนะ อิอิ(เสียงหัวเราะ) มันมีจริงๆ !! แต่เหมือนกับมากรอกข้างๆหอเลย แล้วมันก็รู้สึกชาไล่จากขาขึ้นมา มันก็พยายามดิ้นไปดิ้นมา ร้องก็ร้องไม่ออก รูมเมทก็ไม่ได้ยินเพราะใส่หูฟัง สุดท้ายก็ต้านแรงไม่ไหว ก็เลยนึกขึ้นในใจว่า อะ จะทำไรก็ทำ เหนื่อยแล้ว ไม่ไหวแล้ว สักพักแรงนั้นก็หายไป เพื่อนผมมันก็ลุกขึ้นมานั่งอย่างไว มันบอกว่าเสื้อนี้เปียกเหงื่อไปหมดเลย.... หลังจากนั้นเราก็หาวันไปทำบุญกัน แล้วก็ค่อยหาพวงมาลัยมาไว้ศาลเจ้าที่ของที่หอละก็หอเตียงนอนอยู่บ่อยๆ ก็ไม่ค่อยเจออะไร จะมีก็แต่เสียงลูกแก้วที่บอกเคยบอกไปนี้แหละครับ วันสุดท้ายก่อนจะขนของกลับก็เลยชวนรูมเมทผมขึ้นไปดูกันข้างบนชั้น 4 ว่ามีคนอยู่ไหม? ปรากฏว่า ห้องที่อยู่ข้างบนห้องผม ที่ผมได้ยินเสียงลูกแก้วหล่นนั้นใส่ลูกกุญแจแล้วมีฝุ่นเหมือนไม่มีคนอยู่ ผมกับเพื่อนได้แต่มองหน้ากันยิ้มและเดินกลับมา...เรื่องพวกนี้ก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่ทุกวันนี้เพราะผมไม่กล้าไปถามกับคนดูแลเพราะผมก็คงไม่ได้ไปนอนที่นั้นอีกแล้ว...จบแล้วครับ 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...