ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ประสบการณ์สุดสยอง ณ พัทยา ห้อง505


สวัสดีครับ เรื่องนี้ได้เกิดมา ประมาณปลายปีที่แล้ว ผมและเพื่อนจะมีวันลืมเรื่องนี้อีกเลย ผมและเพื่อนผม มีเพื่อนผู้ชายอยู่ 5 คน เพื่อนผู้ ญ อีก 2 คน ช่วงนั้นเราจัด party ไปพักร้อนกับเพื่อนๆ ช่วงนั้นโรงแรมค่อนค้างที่จะเต็ม เพราะฉนั้นเราจึงได้พักที่guest houseแห่งหนึ่งที่พัทยาเหนือ อยู่เลียบชายหาด จอมเทียน ถ้าจำไม่ผิดน่ะคับ ตอนแรกเราจอง3ห้อง ห้องแรกผมกับแฟนผมพัก ห้อง 502 ส่วนเพื่อนผู้ชายอีก 3 คนพักอยู่ห้อง 504 ส่วนอีกคู่นึงคู่นี้ก็เป็นแฟนกัน พักอยู่ห้อง 505 และนี้คือห้องที่เกิดเหตุการณ์ที่เรากำลังจะเล่าดังต่อไปนี้

ในช่วงกลางวันนั้นยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอตกกลางคืนต่างคนต่างแยกย้ายกันเข้านอน แต่แฟนของผม ได้คิดแผนการที่จะแกล้งคู่อีกนึงที่อยู่ห้อง 505 ช่วงนั้นเวลา ประมาณเกือบ เที่ยงคืน แฟนของผมเลยโทรไปที่ ห้อง504 เพื่อที่จะตกลงกันว่า เราจะแกล้งคู่ที่นอนอยู่คือห้อง 505 โดย ผมและแฟนผมเตรียมกับเพื่อนผู้ชายอีก สามคนที่อยู่ห้อง 504 เพื่อที่จะไปที่ห้อง 505 เพื่อที่จะไปเล่าเรื่องผีที่ห้อง 505 เพราะเพื่อนผมที่นอนอยู๋เป็นคนกลัวเรื่องนี้มาก หลังจากที่เข้าไปในห้องนั้น เราก็ไปตั้งวงเล่าเรื่องผีกัน โดยแฟนผมได้นำเทียนหอมเข้าไปด้วย ประมาณว่าพวกเราจะเอาบรรยาการในการเล่าด้วย แต่เราไม่ได้คิดถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยระหว่างทื่เราเล่าเราก็ปิดไฟแล้วจุดเทียนหอม ในระหว่างการเล่านั้นแต่ละคนก็เล่าเรื่องของตัวเองไป จนมาถึงของเพื่อนผมเรื่องนึงที่เกี่ยวกับ ผู้หญิงที่บริการทางเพศที่ถูกฝรั่งฆ่าและหมกใต้เตียง โดยในระหว่างการเล่านั้นผมและเพื่อนอีกคนนึงที่นั้นอยู่มุมเดียว ได้เห็นสิ่งผิดปกตินอกระเบียง โดยที่ๆเรานั้นเล่าอยู่นั้นเราอยู่ในห้อง 

ตอนแรกผมกับเพื่อนผม สองคนคิดว่าไม่มีไรหรอก แต่หลังจากนั้นไม่นาน แฟนผมซึ่งนั่งอยู่ข้างเพื่อนผม ได้เห็นอะไรบางอยางจนต้องซบไหล่เพื่อนผมที่นั่งอยู่ข้างๆเพื่อที่จะไม่เห็นบางอย่างนอกระเบียงนั้น สักพักหลังจากนั้นแฟนผมก็ร้องไห้ออกมา พวกเพื่อนผมก็ว่าล้อเล่นกัน แต่เพื่อนผมซึ่งอยู่ข้างแฟนผม คิดว่ามันไม่ใช้การล้อเล่นแน่มันน่าจะมีอะไรผิดปกติบางอย่าง จนกระทั่ง แฟนผมได้ร้องไห้หนักมาก ถึงขั้นโฮ และได้ชี้ไปที่นอกระเบียงและบอกว่า "ออกไปๆ" ผมและเพื่อนผมก็เลยตกลงกันว่าจะออกจากนี้ ไปที่ห้อง 504 แทน ระหว่างที่จะไปห้อง 504 นั้น แฟนผมได้ทำหน้าตกใจและได้พูดว่า " ระวัง มันอยู่ข้างหลัง " ซึ่งยิ่งทำให้พวกเรานั้นยิ่งตื่นตระหนกยิ่งขึ้น แต่ผม,แฟนผมและเพื่อนๆ ก็สามารถไปยังห้อง 504 จนได้ ซึ่งเมื่อถึงอีกห้อง เราก็พาเธอไปสงบสติที่เตียง ( อย่าคิดมากนะคับ ) และแฟนผมก็ได้บอกให้ปิดม่านให้หมด หลังจากนั้นแฟนผมก็เหมือนจะสลบไปแป๊ปนึง แล้วก็สะดุ้งขึ้นมาใหม่ เธอได้มองไปที่หลังห้อง เพื่อนผมก็ได้ตบหน้าและเรียกชื่อแฟนผมเพื่อที่จะเรียกสติกลับคืนมา 

หลังจากนั้นเพื่อนผมก็ได้ท่องนะโมซึ่งเพื่อนผมก็ได้ให้แฟนผมท่องตามด้วย ซึ่งพอจะช่วยได้นิดหน่อย แต่เผอิญผมและเพื่อนผมคนอื่น เป็นคนคริสต์ จึงท่องนะโมไม่เป็น โดยที่มีแฟนผมกับเพื่อนผมที่นำสวดเป็นคนพุทธแค่ 2 คน เลยดูเหมือนว่าเราจะสู้กับฝ่ายอีกฝ่ายหนึ่งที่น่าจะเป็นวิญญานที่สิงอยู่ในตัวแฟนผมไม่ได้ ระหว่างนั้นผมก็สังเกตเห็นเพื่อนผมคนหนึ่งใส่สร้อยพระอยู่ ( ผมขอแทรกนิดหน่อย ว่าเรื่องที่ผมเล่าอยู่เป็นเรื่องจริง ผมขอให้ไปพิสูจน์ดูก็ได้ ) ต่อจากเรื่องที่กล่าวมา ผมก็ให้เพื่อนผมนั้นถอดสร้อยพระ มาใส่ให้แฟนผม เธอก็ยังไม่มีท่าทีดีขึ้น โดยได้มารู้ตอนหลังว่า สร้อยนั้นเป็นสร้อยพระจีน ไม่ใช่สร้อยพระพุทธ โดยตอนนี้เป็นเวลาตี 4 ซึ่งแต่ละคนเพลียมาก เพราะก่อนหน้าที่จะเข้านอนนั้น พวกเราได้ดื่มสุราพอสมควร แต่สิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่ฤทธิ์สุราแน่นอน ระหว่างที่เรากำลังพยายามให้เธอมีสติ แต่เธอก็พยายามดิ้น แต่เราก็พยายามจับแขนเธอไว้ เพื่อที่จะไม่ให้เธอทำร้ายตัวเอง จนถึงตอนนึง ที่เพื่อนผมคนนึงพูดให้เธอมีสติว่า"ผีไม่มีจริงหรอก" ทันใดนั้น เสียงที่เราได้ยินเป็นเหมือนเสียงผู้ชาย แต่สิ่งที่ทำให้เราตกใจกลัวคือ เสียงผู้ชายนั้นพูดว่า"มันมีจริง" ซึ่งคำพูดนั้นมาจากเธอเอง 

ในตอนนั้น หน้าตาของเธอก็เปลี่ยนไป ตาดำของเธอ เกือบเหมือนจะเต็มดวงตาของเธอ และเธอก็ได้สะบัดคนที่จับแขนเธอไว้อยู่อย่างแรง แต่อย่าลืมผมและเพื่อนผมที่เป็นผู้ชายรูปร่างใหญ่อีก 2 คน เอาไม่อยู่ เพื่อนผมได้แนะนำว่าให้ไปวัดที่อยู่แถวๆนั้น ซึ่งพวกเราก็รีบพาเธอขึ้นรถขับไปที่วัด แต่ที่วัดนั้นกลับไม่มีพระอยู่สักองค์เลย ซึ่งเรางงมาก แต่พอเราขับรถเข้ามาที่วัดนั้น อาการและสติของแฟนผม ก็เริ่มกลับมา หลังจากนั้นเราก็ค่อยๆสอบถามเธอเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนั้น เวลาตอนนี้ก็ประมาณตี 5 เธอก็พยายามเล่า แต่เสียงของเธอแทบจะไม่มีเลย เราเลยได้เอาปากกาและกระดาษให้เธอเขียนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด เธอเขียนว่า"เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง อยู่นอกระเบียง ผมยาว ใส่ชุดสีขาว และกำลังมองหน้าเธอ และ เพื่อนๆของผม" 

แต่แปลกมาก ที่พวกเราไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นเลย เห็นแค่อะไรแว๊ปๆเคลื่อนไหวไปมาอยู่นอกระเบียงแค่นั้น เลยไม่ได้คิดอะไร และเธอก็เขียนบอกอีกว่า"ผู้หญิงคนนั้นคอยเรียกชื่อเธอตลอดเวลา" แต่แฟนของผมพยายามปิดตาไม่มองไปที่ผู้หญิงคนนั้น และในระหว่างที่แฟนผมกำลังร้องไห้นั้น เธอเขียนว่า"ผู้หญิงคนนั้น นั่งทับหน้าอกเธอ ทำให้เธอหายใจไม่ออก" หลังจากนั้นเราก็ให้เธอพักผ่อน ผมและเพื่อนๆก็ได้มานั่งรวมกัน เพื่อที่จะคิดว่า เรื่องเกิดขึ้นได้อย่างไร เพื่อนผมคนนึงคิดว่า เราไปจุดเทียนหอมและเล่าเรื่องต่างๆและไม่แน่ ในห้องนั้น อาจจะเคยมีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่รู้ หลังจากนั้นเราก็รอจนถึงเช้า ผมก็ให้เพื่อนผม 2 คน อยู่เป็นเพื่อนแฟนผม ส่วนผมกับเพื่อนที่เหลือ ก็กลับไปเอาของที่โรงแรมกัน ซึ่งระหว่างที่เรากำลังเก็บของนั้น เราก็ได้ลองถามพนักงานของที่นั่นดู แต่เขาก็บอกว่าไม่ทราบเหมือนกัน

สุดท้ายนี้เรื่องที่เกิดขึ้นมานี้เราไม่สามารถสรุปได้ว่ามันเกิดขึ้นอะไร แต่เราจะไม่ลบหลู่เรื่องนี้หลังจากเรื่องนี้ที่เกิดขึ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมและเพื่อนได้ประสบมาจากเหตุการณืจิง และสถานที่กล่าวมาทั้งหมดก็เป็นเรื่องจิงทั้งสิ้น และอยากจะให้เพื่อนๆทุกคนคิดก่อนที่จะทำอะไรเพื่อความสนุกสนานของเรา แต่มันอาจจะเป็นเรื่องที่น่ารำคาญสำหรับ สิ่งที่เราเรียกว่า วิญญาณ หรือพลังงานบางอย่างที่วิทยาศสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบันไม่สามารถพิสูจน์ได้ และผมได้หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นคติสอนใจให้กับเพื่อนๆที่รักสนุกน่ะคับ 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ