ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ถอนของ


เรื่องนี้จากคุณ Teehouse Shohgun สมาชิกในกลุ่ม TheHOUSE ครับ คุณ Teehouse Shohgun เล่าว่า.. เรื่องนี้เกิดมานานแล้วครับ สมัยเรียนมัธยมปลาย วันนั้นเป็นวันปัจฉิมนิเทศน์ครั้งสุดท้าย เลิกงานปัจฉิมราวเที่ยงคืน พวกผมก็ไปกินเหล้ากันต่อที่บ้านเพื่อนแถวพระราม 6 โดยนั่งรถสามล้อไป ช่วงที่ผ่านโค้งพระราม 6 ผมมองไปแต่ไกล เห็นผู้ชายใส่เสื้อสีฟ้านอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้นถนน


แต่พอเข้าไปใกล้ เขาก็หายไปดื้อๆ เลย ผมตกใจมากเลยบอกกับเพื่อนๆ ว่า ‘เมื่อกี้กูเห็นคนนอนตายว่ะ!’ เพื่อนๆ ผมบอก ‘บ้าเหรอมึง ไม่เห็นมีอะไรเลย’ ผมก็ย้ำ ‘มีดิ มีจริงๆ’ อธิบายลักษณะให้เพื่อนๆ ฟัง เพื่อนๆ มันก็ขำ ไม่มีใครเชื่อผม ผ่านไป 2 วัน ผมก็เริ่มมีอาการแปลกๆ คือตื่นมาแล้วปวดส้นเท้ามากๆ ลามมาถึงข้อเท้าโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ เป็นอยู่หลายวัน จนต้องไปหาหมอ และทำการเอกซเรย์ แต่ปรากฏว่าไม่มีอะไรผิดปกติเลย หมอเขาก็ลงความเห็นว่ากล้ามเนื้อผมอักเสบ ก็ให้ยามากิน แต่ก็ไม่หายครับ จะปวดมากๆ ตอนช่วงเช้า ต้องนั่งนวดกันเป็นชั่วโมงกว่าจะเดินได้


จนผ่านไปเป็นครึ่งปี อาการก็ไม่ดีขึ้น ตอนนั้นผมเอ็นท์ไม่ติดก็เลยลงเรียนรามฯ ครับ และจะรอเอ็นท์ใหม่ ด้วยความที่ขาผมเป็นแบบนี้ มันมีปัญหามากกับการใช้ชีวิต ช่วงนั้นเวลาตื่นตอนเช้าผมนั่งร้องไห้เลย คิดในใจว่าแค่อายุ 18 ต้องมาปวดขาเดินไม่ได้เป็นครึ่งปีเลยเหรอ? จะไปเรียนไปติวอะไรก็ไม่ได้ ครอบครัวก็เครียดไปด้วยจนพ่อผมเลยพาผมไปหาพระที่วัดวัดหนึ่งแถวพระราม 6 นั่นแหละ ตอนที่ไปถึงวัด ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง มีผู้ชาย 5 คนช่วยกันจับตัวไว้ ผู้หญิงร้องตะโกนว่า ‘มึงจะทำอะไรกู ปล่อยกู!’ พระท่านก็เอาน้ำมนต์สาดพร้อมกับพูดว่า ‘มึงจะออกไม่ออก?’ ตัวผู้หญิงก็ร้องออกมาเป็นเสียงผู้ชายว่า


‘โอยยยยย’ แล้วนั่งลงไปกับพื้น คือเหมือนในหนังเลยครับ ตอนนั้นผมยังเด็ก เลยไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไร แถมยังมองว่าเขาแสดงกันอีกต่างหาก.. พอถึงคิวผม พระท่านก็มองๆ บอกว่า ‘มีของสกปรกในตัวนะ เอาน้ำมนต์ไปอาบ..’ แค่นั้นเองครับ หลังจากผมได้น้ำมนต์ไป ผมก็ดีขึ้นนะ แต่ดีแค่วันสองวันเอง เลยคิดว่าต้องทำอะไรเพิ่มเติมแล้วเพื่อนพ่อเลยแนะนำพราหมณ์ท่านหนึ่งที่รังสิต ผมจำไม่ได้แล้วว่าท่านชื่ออะไร ตอนที่ไปหาท่าน ท่านก็มองๆ ผม แล้วบอกว่า ‘เราน่ะ ไปทักของสกปรกมาสินะ แต่ตอนนี้มันถูกสะกดอยู่ วันดีคืนดี เดี๋ยวมันก็จะออกมาอีก..’ ท่านเลยให้เข้าในวงสายสิญจน์ โดยมีคนอื่นอีก 2 คน รวมผมเป็น 3 คน แล้วท่านก็สวดๆๆ อะไรก็ไม่รู้.. หลังจากสวดเสร็จ ท่านก็เรียกพี่คนแรกไปนั่งข้างหน้าท่าน ห่างกันไม่ถึงเมตร แล้วท่านก็เอาเทียนหักมาลนไฟ


จากนั้นก็ปั้นเป็นลูกกลมๆ แล้วก็ให้พี่คนแรกเขาเอาเข้าปากเคี้ยว ในขณะที่เคี้ยวท่านก็สวดๆ แล้วเอาด้ามมีดจิ้มไปที่ท้อง พอสักพักหนึ่ง พี่คนแรกเขาก็อ้วกคายของออกมาเป็นเส้นผมก้อนเบ้อเริ่ม กลิ่นนี่เหม็นเน่ามากๆ ผมเห็นนี่ตกใจเลย พอถึงคนที่ 2 ท่านก็ทำแบบเดิม หักเทียนลนไฟ ปั้นๆ ผมก็พยายามมองนะว่าท่านแอบเปลี่ยนลูกไหม? หรือว่ายัดอะไรลงไปหรือเปล่า? ปรากฏว่าผมมองไม่ทันครับ คนที่สองก็เข้าปาก แล้วก็อ้วกออกมาเป็นเส้นด้ายก้อนใหญ่ ใหญ่กว่าลูกกลอนที่ท่านปั้นเสียอีก พอถึงคิวผม ผมจ้องแบบไม่กระพริบตาเลย เพราะกลัวโดนตบตายัดของ แต่ด้วยระยะห่างเพียงแค่ 1 เมตร ย่อมมองไม่พลาดแน่ๆ ปรากฏว่าไม่ได้ยัดอะไรมาแน่นอนครับ แล้วตอนที่ท่านเอาด้ามมีดจิ้มที่ท้องผม ผมมีความรู้สึกอยากสำรอกออกมาถึงคอเลยครับ



จากนั้นผมก็อ้วกออกมาเป็นผ้าสีแดง กว้าง 1 นิ้ว ยาวพอควรเลยล่ะครับ ยังงงจนถึงทุกวันนี้ว่ามันออกมาจากเทียนลูกกลมๆ ได้ยังไง? ..หลังจากวันนั้น ผมก็ยังเปลี่ยนหมอแผนปัจจุบันรักษาไปด้วยนะครับ เพราะว่าต้องเร่งเวลาแล้ว ไม่อย่างนั้นผมไม่มีเวลาไปติวสอบแน่ๆ และแล้วอาการของผมก็ค่อยๆ ดีขึ้นๆ จนหายเป็นปกติภายในเวลาแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น.. สรุปแล้ว ที่ผมหายดีอาจจะเพราะหมอเก่ารักษาไม่ถูกทาง หรือว่าผมโดนของเข้าจริงๆ ก็เป็นได้นะครับ ทุกวันนี้ผมยัง 50:50 อยู่ครับ แต่คือผมหายดีแล้วแค่นั้นก็พอครับ แต่ทางที่ดี ถ้าเราเห็นอะไรแปลกๆ ตอนกลางคืน ก็ขอให้เงียบๆ ไว้ก่อนก็ดีครับ อาจจะเป็นลมเพลมพัด หรือว่าพวกคนเล่นของเขาปล่อยของลองวิชาก็เป็นไปได้.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ