เมื่อประมาณปี พ.ศ.2557 ตอนนั้นเราทำอาชีพเสริมโดยการขายของพวกเครื่องครัว จาน ชาม ช้อน ซ่อม เรื่องมีอยู่ว่าช่วงนั้นขายของดีมากเพราะขายแค่วันอาทิตย์วันเดียวในหนึ่งสัปดาห์ได้เงินมากกว่าทำงานทั้งเดือนเลยทีเดียวตอนนั้นพักที่อพาร์ทเม้นท์อยากขยับขยายหาบ้านเช่าเป็นหลัง หามานานก็ไม่ถูกใจติดที่ราคาแพงบ้าง เดินทางไม่สะดวกบ้างแต่มีอยู่หลังหนึ่งป้าแม่บ้านที่บริษัทแนะนำบอกหลังละ 3,000 /เดือน เราก็ดีใจเพราะไม่แพงพอตอนเย็นหลังเลิกงานก็ไปดูบ้านกันพร้อมแฟนและลูก โดยนัดเจอกับป้าแม่บ้านที่หน้าปากซอยทางเข้าบ้านเช่า
พอไปถึงก็ไปขอกุญแจที่คนดูแลที่อยู่ข้างๆบ้านเช่า มองเข้าไปในตัวบ้านตอนนั้นเวลาประมาณ 6 โมงกว่าๆก็มืดแล้วเพราะเป็นหน้าหนาว ตอนนั้นลูกชายเพิ่งอยู่อนุบาล 1 ลืมบอกไปว่าสภาพบ้านคือเป็นบ้านไม้สองชั้นข้างล่างเป็นปูนข้างบนเป็นไม้มีรั้วรอบขอบชิด มองภายนอกบ้านน่าอยู่ทีเดียว ข้างหน้าสามารถจอดรถยนต์ได้ 2 คัน ในขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปดูในตัวบ้านลูกชายก็พูดขึ้นว่า แม่จ๋ากลับเถอะเขาไล่เราแล้วหนูกลัว เรากับแฟนก็มองหน้ากันแต่ไม่พูดอะไร แฟนก็เลยอุ้มลูกชาย แล้วพาเดินเข้าไปข้างใน เชื่อไหมค่ะบ้านที่ดูภายนอกโอเคแต่ภายในดูไม่ได้เลยค่ะเป็นรูโหว่หลายที่เสากลางบ้านมีผ้าเจ็ดสีผูกอยู่พร้อมพวงมาลัยอีกเป็นสิบกว่าพวง โอ๊ยในตอนนั้นอยากจะเดินออกมาเลย แต่แฟนกับป้าแม่บ้านก็พาเดินไปดูชั้นสอง พอเดินขึ้นไปเป็นโล่งเลยค่ะไม่มีห้อง แต่ตรงเสากลางบ้านมีผ้าเจ็ดสีผูกอยู่กับพวงมาลัยแห้งอีก 5 พวง
ทันใดนั้นลูกชายก็ร้องขึ้นมาว่า แม่พี่เขาไล่อีกแล้วรีบไปเถอะเขาโกรธแล้ว ลูกพูดขาดคำไฟเจ้ากรรมก็ดันดับทั้งๆที่บ้านอื่นก็ไม่ดับเลย...แล้วเสียงแก้วหล่นลงพื้นดังเปรี้ยงและเสียงเหมือนคนกระทืบเท้ารู้สึกได้ถึงพื้นสะเทือน แล้วไฟก็สว่างขึ้นมา แต่เชื่อไหมค่ะว่าไม่มีเศษแก้วที่หล่น. แต่มีรอยเท้าคนเต็มบ้านทั้งที่ตอนขึ้นมาเราก็มองพื้นบ้านไม่เห็นมีรอยเท้าเลย เราทุกคนรีบเดินลงมาชั้นล่าง แต่ตอนนั้นเราคิดในใจว่าไม่อยากให้อยู่ก็ไม่อยู่ แล้วลูกชายก็พูดขึ้นมาอีกว่าแม่จ๋ากลับเถอะเขาชี้หน้าเราอีกแล้ว แฟนเราจึงพูดขึ้นว่าแค่มาดูเฉยๆ...พอเดินออกมาจากตัวบ้านเราทุกคนก็มองไปบนบ้านและเห็นเงาผู้หญิงสองคนยืนอยู่ตรงหน้าต่าง พวกเราทุกคนรีบเดินออกมานอกบริเวณรั้วบ้าน แฟนเลยถามคนดูแลบ้านว่าเสากลางบ้านตกน้ำมันใช่ไหม? คนดูแลบ้านบอกว่าใช่ แต่ไม่ต้องกลัวหรอกถ้าเรารู้จักบูชาคิดดีทำดีจะมีแต่โชคลาภ ฉันเลยบอกเขาไปว่าไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่มองไม่เห็น
แล้วเราก็ลาคนดูแลบ้านกลับ แฟนบอกว่าเดี๋ยวโทรมาบอกนะครับว่าจะเอาหรือไม่เอา พอนั่งมาบนรถลูกชายพูดขึ้นว่าแม่พี่เขามาด้วยเราถามลูกว่าใครไม่มีหรอกลูก แฟนบอกว่าไม่ต้องพูดกลับถึงบ้านค่อยพูด พอไปถึงบ้านว่าจะคุยกับแฟนก็ไม่คุยก็เลยลืมเรื่องนี้ไปเลยค่ะ พอได้เวลานอนก็ฝันค่ะฝันว่าได้มาที่บ้านที่มาดูเมื่อตอนเย็นแต่มากับแฟนสองคนแล้วเจอผู้หญิงสองคนอยู่ที่บ้านหลังนี้อายุประมาณยี่สิบปลายๆหรือสามสิบต้นๆนี่แหละค่ะ ในฝันเราก็ถามเขานะว่าตอนที่มาดูยังไม่มีคนมาเช่านะ แต่คนที่ดูอายุเยอะกว่าได้ตอบเราว่า เขาอยู่นี่มานานแล้วไม่ได้ไปไหน แต่เราก็เถียงเขาว่าตอนที่เรามาไม่มีคนอยู่จริงๆนะ
แล้วสักพักคนที่ดูอายุน้อยกว่าก็ตะโกนมาว่าบอกว่าอยู่นี่ก็อยู่นี่สิ แล้วหน้าตาผู้หญิงคนนั้นก็เปลี่ยนไปจากที่หน้าตาสวยๆก็กลายเป็นหน้าบวมผิดรูปแล้วแลบลิ้นออกมาจุกปาก คนที่เป็นพี่ก็ถือเชือกมาผูกคอแล้วลิ้นจุกปากเหมือนกัน แล้วพูดขึ้นมาว่ากูทรมานเหลือเกินช่วยทำบุญให้กูด้วยกูหิว
ในฝันเรากับแฟนเราวิ่งแบบไม่คิดชีวิตแล้วสะดุ้งตื่นพร้อมกันดูเวลาตี 4.25 แล้วแฟนก็ถามว่าเป็นอะไรฝันร้ายเหรอ...เพราะเห็นเราทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เราเลยเล่าให้แฟนฟังแฟนบอกว่าฝันเหมือนกันเลย เราตกใจมากแฟนบอกว่าไม่ต้องนอนแล้วอาบน้ำเตรียมไปทำบุญตักบาตรทำสังฆทานให้เขากันเขาคงมาสื่อให้เราช่วยทำบุญให้เขาคงทรมาน พอทำบุญสังฆทานเสร็จแฟนก็ชวนไปหาป้าที่ดูแลบ้านเช่าไปคาดคั้นให้แกเล่าความจริงให้ฟัง
ตอนแรกแกก็บอกไม่มีอะไรแต่เราไม่เชื่อจนแกยอมเล่าความจริง แกเล่าว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านพี่สาวของแกเองและคนที่ผูกคอตายคือหลานสาวแก คนเป็นพี่ผูกคอตายเพราะความรักอกหักกับแฟนเพราะจะแต่งงานกันอยู่แล้วพิมพ์การ์ดแต่งงานแล้วแต่ฝ่ายชายไปทำผู้หญิงท้องต้องรับผิดชอบแล้วหลานสาวแกเสียใจมากทนความอับอายไม่ไหวเลยผูกคอตายในวันที่ไม่มีคนอยู่บ้านตอนเย็นมาถึงพบศพส่วนคนน้องที่ผูกคอตายเสียใจเพราะท้องกับผู้ชายที่มีครอบครัวแล้วโดนหลอก รักเขามากถึงขนาดยอมทำแท้ง
สุดท้ายทางผู้ชายขอเลิกแล้วก็ผูกคอตายที่เดียวกันกับพี่สาวนั้นเอง ตอนนี้พี่สาวแกไปอยู่ต่างจังหวัด เลยปล่อยบ้านให้เช่าในราคาถูก...ปัจจุบันบ้านหลังนี้ได้รื้อออกแล้วค่ะเหลือแต่ที่ดินว่างเปล่า
ขอบคุณ คุณRunpreeya
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น