ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ประสบการณ์สยองขวัญ อยู่กับผีมา4เดือน


เหตุการณ์เกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่ง แถวย่านลาดพร้าว เมื่อประมาณแปดปีที่ผ่านมา คุณโจ้ทำงานเกี่ยวกับออแกไนเซอร์ จึงมีเพื่อนฝูงมากมายที่ชอบมานอนค้างที่บ้านของคุณโจ้ ลักษณะเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์สองชั้น

ช่วงหลังๆ มีเพื่อนมาบอกว่าเห็นผู้หญิงเดินอยู่ในบ้าน บางคนก็บอกว่า ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ จนเพื่อนๆเริ่มไม่กล้ามาเที่ยวที่บ้าน คุณโจ้จึงมาคิดว่ามันคืออะไรกันแน่ ก็ได้ไปปรึกษารุ่นพี่ รุ่นพี่จึงพาไปหาผู้หญิงคนนึง ชื่อคุณเปิ้ล เป็นคนที่มีซิกเซ้น คุโจ้จึงถามคุณเปิ้ลว่า
คุณโจ้ : มีใครตามผมมามั้ยครับ
คุณเปิ้ล : เดี๋ยวเรื่องนี้ค่อยตอบ เอาเรื่องอื่นก่อน มีอะไรอยากจะถามอีกมั้ย
คุณโจ้ : ผมกำลังจะเริ่มทุกธุรกิจ ลงทุนกับรุ่นพี่สี่คน คิดว่ามันจะเป็นยังไงบ้าง
คุณเปิ้ล : ถ้าเปิดธุรกิจเลยหกเดือนไปแล้ว มันจะรุ่ง แต่ถ้าไม่ถึงหกเดือน จะมีคนนึงที่แยกออกไปทำธุรกิจส่วนตัว
คุณโจ้ : พี่ชายผมจะสอบติดมหาลัยมั้ย
คุณเปิ้ล : ไม่เกินสองปีสอบติดแน่นอน แล้วให้ไปเอานาฬิกาที่บ้านออก เพราะมันหันออกไปทางหน้าบ้าน นาฬิกาเรือนนี้มันไม่ดี ไปเอาออกซะ
คุณโจ้ติดใจเรื่องนาฬิกามาก เพราะจำไม่เห็นได้ว่าที่บ้านมีนาฬิกา หลังจากคุยเรื่องนี้มันจบ คุณเปิ้ลก็พูดขึ้นมาว่า
คุณเปิ้ล : มีคนตามมาด้วยนะ เป็นผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกัน เพราะโจ้ไปรับเค้ามาจากอยุธยาเมื่อสองเดือนก่อน ตรงทางสามแพร่ง
คุณโจ้นึกย้อนไปถึงวันที่ขับรถกลับบ้านเกิดที่จังหวัดนครสวรรค์ ปกติคุณโจ้จะขับรถจากกรุงเทพไปนครสวรรค์โดยที่ไม่แวะปั้มหรือที่อื่นๆเลย แต่มีอยู่ครั้งนึงที่คุณโจ้แวะซื้อของข้างทาง และตรงนั้นเป็นทางสามแพร่งพอดี คุณโจ้จึงถามคุณเปิ้ลว่า
คุณโจ้ : อ่าว แล้วแบบนี้เค้าตามเรามาได้ไงครับ
คุณเปิ้ล : เค้าไม่รู้จะไปไหน มันเป็นจังหวะที่พอเหมาะพอเจาะ เค้าถึงได้เกาะติดเรากลับมาได้เลย
คุณโจ้ : แล้วผมควรจะทำยังไงดีครับ
คุณเปิ้ล : มีเวลาว่างก็พาเค้าไปส่งซะ แล้วบอกเค้าว่าต่างคนต่างอยู่

หลังจากวันที่คุณโจ้ได้ไปคุยกับคุณเปิ้ล ก็รู้สึกว่าเหมือนมีคนอยู่ด้วยตลอด ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน หรือขับรถออกไปไหน จะรู้สึกว่ามีคนคอยเดินตาม หรือนั่งอยู่ข้างๆ ทุกที่และตลอดเวลา วันนึง หลังจากที่คุณโจ้อาบน้ำเสร็จ แล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ รู้สึกว่ามีคนสะกิดหลัง จนคุณโจ้ขนลุก เย็นวาบไปทั้งตัว เป็นครั้งแรกที่เริ่มแตะต้องตัว แต่คุณโจ้ก็พยายามไม่คิดอะไรมาก เพราะว่าอยู่แบบนี้มาหลายเดือนแล้ว
ผ่านมาประมาณสองวัน ตอนนั้นคุณโจ้นั่งอยู่ในร้านกาแฟของตัวเอง แล้วมีธุระต้องไปประชุมที่บริษัท คุณโจ้จึงพูดออกมาลอยๆว่า "อยู่ที่ร้านเนี่ยแหละ แล้วช่วยเรียกลูกค้าให้เราหน่อย อีกสองชั่วโมงเราจะกลับมา" แล้วคุณโจ้ก็ออกไปประชุม

หลังจากประชุมเสร็จก็กลับมาที่ร้านกาแฟ ปรากฏว่าคุณโจ้เห็นภาพที่ไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน มีลูกค้ายืนรอคิวที่จะนั่งดื่มกาแฟจนล้นออกมานอกร้าน เรื่องนี้ทำให้คุณโจ้คิดว่า ไม่อยากจะไปส่งเธอให้กลับไปอยู่ที่ทางสามแพร่ง แต่อยากให้อยู่ด้วย อยากรู้เรื่องราวของเธอ อยากบอกคุณพ่อคุณแม่ของเธอว่าเธออยู่ด้วยที่นี่

คุณโจ้จึงต่อสายไปปรึกษาคุณเปิ้ล คุณเปิ้ลบอกให้คุณโจ้ถ่ายรูปหน้าของตัวเอง แล้วส่งข้อความไปหาคุณเปิ้ล แล้วเดี๋ยวจะโทรกลับ คุณโจ้ก็ปฏิบัติ สักพักคุณเปิ้ลโทรกลับมาบอกว่า "โจ้ เค้าไม่ได้อยากให้โจ้รู้จัก เค้าไม่ได้อยากให้โจ้ช่วยอะไร และเค้าก็ไม่ได้อยากรู้จักโจ้ด้วย" คุณโจ้ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกเฟล
คุณโจ้ใช้ชีวิตปกติเรื่อยมา แต่ก็มีเพื่อนหลายคน บอกว่าเห็นผู้หญิงเดินตามหลังคุณโจ้ตลอดเวลา บางครั้งก็เห็นยืนจ้องหน้า ลักษณะเหมือนจะเอาเรื่องคุณโจ้ และเวลาขับรถไปไหนมาไหน ก็จะมีคนเห็นผู้หญิงนั่งจ้องหน้าคุณโจ้อยู่ที่เบาะข้างคนขับ

และเช้าของวันนึง คุณโจ้นอนหลับตาอยู่บนเตียง แต่ได้ยินเสียงผู้หญิงมากระซิบข้างหูว่า "ถ้ายังไม่ไปส่งชั้น แล้วชั้นจะไปเกิดไปยังไง" ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคุณโจ้คิดขึ้นเอง หรือว่าเธอคนนั้นมากระซิบบอกจริงๆ แต่มันก็ทำให้คุณโจ้ตกใจจนตื่นเต็มตา รีบกระโดดลงจากเตียง หยิบกุญแจรถแล้ววิ่งลงจากบ้านไปเปิดรถ พร้อมกับพูดว่า "มาเลยเธอ เดี๋ยววันนี้เราจะไปส่ง"

คุณโจ้ขับรถไปที่อยุธยา ผ่านไปถึงอ่างทอง ค่อยๆมองดูข้างทางว่าร้านที่เคยแวะเมื่อตอนนั้นอยู่ตรงไหน แต่ขับวนอยู่สามรอบก็หาไม่เจอ จนรอบที่สามก็คิดว่าต้องหาต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ตรงทางสามแพร่ง จนไปเจอทางสามแพร่ง คุณโจ้ก็เปิดประตูรถแล้วพูดว่า "มาส่งแล้วนะ ต่างคนต่างอยู่นะ ไปละ" แล้วคุณโจ้ก็ขับรถกลับกรุงเทพ ในขณะที่กำลังขับรถกลับ คุณโจ้น้ำตาไหล มีความรู้สึกเหมือนอกหัก อาจจะเป็นเพราะความผูกพันที่อยู่ด้วยกันมาหลายเดือน และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...