ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เรื่องห้อง413 ขอมาอยู่ด้วยได้มั๊ย


มีผู้ชายคนนึงเค้าต้องการหาอพาตเม้นด่วนเพราะบ้านเค้าอยู่ไกลจากที่เรียน เนื่องจากเค้าไปหาเพื่อนเค้าที่อพาตเม้นนึงแล้วรู้สึกชอบเพราะมันใกล้กับที่เค้าไปเรียน เค้าไปหาป้าที่ดูแล อพาตเม้นนั้นแล้ว ป้าแกบอกว่า ห้องมันเต็ม เค้าเลยเอาเงินให้ป้านั่นไป 100 เพื่อว่าถ้ามีห้องว่างให้รีบบอกเค้าทันทีพร้อมทิ้งเบอร์ไว้ให้ป้า

พอตกคืนนั้น ป้าแกก็โทรไปบอกมีห้องนึง ให้ย้ายเข้าได้เลยตอนเช้า เค้าก็งง ว่าทำไมห้องมันว่างเร็วจัง แต่ความดีใจเลยไม่คิดอะไร วันรุ่งขึ้นเค้าไปดูห้อง ป้าแกก็พาไปดู ห้องเป็นชั้น4 ป้าแกก็พาเดินมาจนถึงชั้น3 แล้วป้าแกหยุด แล้วบอกว่า ให้ขึ้นไปดูเองนะ ป้าแกจะรอที่ชั้นล่าง มีธุระต้องทำ เค้าก็งงๆ และขึ้นไปดูเอง ห้องเป็นห้อง413  เค้าบอกว่าตอนเห็นเลขห้องเค้ารู้สึกแปลกๆ ความรู้สึกตอนนั้นตั้งแต่เห็นเลขห้องคือเค้าชักรู้สึกไม่อยากได้ห้องนี้ แต่ก็ลองไขกุญแจเข้าไปดู เค้ารู้สึกว่าทำไมห้องมันเหมือนไม่มีคนอยู่มานานแล้ว ห้องมีพัดลมเพดานตัวใหญ่เค้าบอก มีเฟอร์โต๊ะอ่านหนังสือ เตียง ปรกติเหมือนอพาตเม้นปรกติ แต่ความรู้สึกเค้ามันไม่อยากอยู่ยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก พอดูเสร็จเค้าก็ลงมาหาป้า ด้วยความที่ไม่อยากได้ห้องนี้เค้าเลยพูดว่า ขอคิดดูก่อนนะป้า พอป้าแกได้ยินคำนี้แกเลยบอกว่า เดี๋ยวลดค่าห้องให้แล้วกันเดือนละ 2500 เหลือ2000 วางมัดจำ7000 แต่จะลดให้เหลือ4000 ด้วยความมีสิ่งมาล่อตาล่อใจ และเห็นว่ามันราคาถูก เค้าเลยตกลงเช่า

ตอนขนของเข้า เดินผ่านห้องยาม ยามก็มาช่วยหิ้วพัดลม ยามถามว่า ไปห้องไหนหรอ เค้าก็บอกห้องไป ยามรีบวางพัดลมแล้วบอกว่า ต้องออกไปซื้อข้าว เค้าก็คิดว่า อ้าว ยังไง แต่ไม่คิดอะไร พอตกคืนนั้นเค้าก็นอนหลับ แล้วฝันว่า มีผุ้หญิงผมบ๊อบสั้นมานั่งที่เก้าอี้พลาสติกซึ่งอยู่เยื้องไปจากเตียงเขาหน่อยนึง 
ผู้หญิงหน้าตาดีพอผุ้หญิงคนนั้นเห็นเค้ามองก็เดินเข้ามาหาด้วยหน้าตายิ้มแย้มให้เขาและหยุดอยู่ที่ปลายเท้าเค้าแล้วพูดว่า  "ขอมาอยู่ด้วยได้มั๊ย" เขาตอบไปว่า "ไม่ได้หรอกจะมาอยุ่ด้วยได้ยังไง" พอเค้าพูดไปเท่านั้นแหล่ะ ผู้หญิงที่ว่าก็หน้าเปลี่ยนไป เค้าบอกว่า หน้าตาเธอตอนนั้นดู จริงจังมากเปลี่ยนไปจากตอนแรกที่ยิ้มแย้ม และเธอก็พูดขึ้นว่า

กูขอ มา อยู่ กับ เมิง ได้มั๊ย   ผู้หญิงคนนั้นพูดพร้อมจ้องเค้าเขม็ง หน้าตานั้นอะทำให้เค้าตกใจตื่น เค้ามองนาฬิกาเป็นเวลา ตี1หนึ่งครึ่ง ความรู้สึกเค้าตอนนั้นคือ  เค้ารู้สึกกลัวแต่เค้าคิดว่าคงคิดมากไปเองความที่เค้าคิดว่าตอนย้ายเข้ามา เค้ามีพระหลวงพ่อโสธรมาด้วยวางอยู่บนตู้แถมมีผ้ายันต์ด้วยคงไม่มีอะไร เค้าเลยพยายามนอน จนหลับไป

คืนวันที่สอง เค้านอนปรกติ แต่เค้าก็ฝันอีกว่า ผุ้หญิงคนเดิมนั่งอยู่ที่เก้าอี้พลาสติกตัวเดิมนั่นแหล่ะ 
เค้ามองไป แต่วันนี้เค้าสังเกตุเห็นว่าเธอหน้าซีดขาวกว่าเดิม พอเธอเห็นเค้ามอง เธอก็ค่อยๆเดินเข้ามาหา และคราวนี้เธอเดินขึ้นมาบนเตียงและนั่งยองๆลงบนหน้าอกเค้า เธอเอื้อมมือมาพยายามจะบีบคอเค้า
เค้าดิ้นพยายามสวดมนต์ ทุกอย่าง จนเค้าคิดถึงแม่เค้าเลยเรียกออกมาว่า แม่ เค้าเลยหลุดออกมาได้
แล้วเค้าก็สะดุ้งตื่นเค้ามองนาฬิกาเป็นเวลาตี1ครึ่งเหมือนเมื่อวานเลย คราวนี้เค้ากลัวมาก กลัวจนทำอะไรไม่ถูก รีบหยิบโทรสับโทรไปเรียกเพื่อนเค้าที่อยู่อีกตึกนึงให้มานอนด้วย พอเพือนมาเค้าก็ เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกว่าคงไม่มีอะไรมั้งเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าให้ไปไหว้เจ้าที่เจ้าทางบอกกล่าว
และไปทำบุญ

พอคืนที่สาม เค้าก็ยังรู้สึกกลัวมากแต่ เค้าคิดว่าคงไม่มีอะไรแล้วมั้งเพราะเค้าไปทำบุญไหว้เจ้าที่เจ้าทางแล้ว และเค้าก็นอนหลับแต่พอหลับเค้าก็ฝันอีก ฝันว่าผู้หญิงคนเดิมนั่งที่เก้าอี้พลาสติกตัวเดิม แต่คราวนี้เธอก้มหน้า พอเธอเห็นเค้ามอง เธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาแต่คราวนี้เธอลากเก้าอี้พลาสติกนั่นมาด้วย 
เค้ามองเห็นว่าที่คอเธอมีเชือกเหมือนเชือกไนล่อนใหญ่ๆ เธอลากเก้าอี้ตรงมา พอมาถึงกลางห้อง ซึ่งติดกับเตียงเค้าพอดี ซึ่งบนเพดานมีพัดลมตัวใหญ่อยู่ เธอก็ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ แล้วเอาเชือกนั่นแขวนกับพัดลม แล้วถีบเก้าอี้ออก แล้วตัวเธอก็ชักดิ้นๆๆๆๆ ลิ้นเริ่มจุกปากออกมา นัยตาเบิกโพลงเหมือนคนที่ใกล้จะขาดใจตาย แล้วตาเธอก็ปิดลง มือพับลงมาอยู่ข้างลำตัว จนเธอหยุดดิ้นไป 

สภาพเค้าตอนนั้นคือช๊อคมาก เค้าบอก เค้ามองไปที่เธอ แล้วอยู่ๆสักพัก เธอลืมตาพรึ่บขึ้นมีแต่ตาขาวไม่มีตาดำ มองที่เค้าแล้วก็หัวเราะแบบ (ตรงนี้คนเล่ามันหยุดไปเหมือนพยายามจะอธิบายเสียงหัวเราะนั้นอะ แต่ไม่รู้จะอธิบายออกมายังไง) พี่ป๋องแกก็ ถามใหญ่เลยว่าหัวเราะแบบไหนหัวเราะยังไง แบบสะใจหรือเปล่า คนเล่าบอกว่าใช่พี่ เค้าหัวเราะเสียงแบบ....(คนเล่ามันเงียบไปเหมือนกำลังคิดอะ) เสียงยังติดอยู่ในหูผมจนทุกวันนี้อะพี่ คนเล่าพูด

แล้วคนเล่ามันก็เล่าต่อว่าตอนนั้นมันกระดุกกระดิกตัวไม่ได้เลย จนเค้านึกถึงเสด็จพ่อรัชกาลที่ 5 ให้ช่วยเค้าด้วย แล้วในที่สุดเค้าก็หลุดออกมา เค้าบอกว่าเค้ากลัวมากจนรู้สึกว่าตัวเองฉี่ออกมาราดที่นอนเลย
พอหลุดได้เค้าวิ่งทั้งบ๊อกเซอรเสื้อไม่ใส่ เปิดประตูวิ่งออกไปหยุดที่ระเบียง  คิดอะไรไม่ออกเค้าเปิดประตูคาไว้ เค้ามองเข้าไปในห้องเห็นเก้าอี้พลาสติกนั่นอยู่กลางห้องเหมือนในฝันเปี๊ยบ แล้วเค้ามองไปที่นาฬิกามันตี1ครึ่งแล้วเค้าก็เลยมองไปที่พระ ปรากฎว่าพระที่เค้าวางไว้ตอนแรก พระเหมือนถูกจับหันหลังเข้าหาฝาผนัง ซึ่งเค้าไม่ได้เป็นคนทำแบบนั้นและไม่มีใครที่จะจับพระหันหลังแบบนั้นด้วย 
พอคิดแบบนั้น แล้วเค้าก็วิ่งต่อลงไปหายาม ยามตกใจ ถามว่าเป็นอะไรน้อง เค้าบอกว่าเค้าพูดไม่เป็นภาษาเลยตอนนั้น ได้แต่บอกยามว่าขอยืมโทรสับ เค้าโทรไปหาเพื่อนและให้เพื่อนมารับไปที่ห้อง เค้าบอกไปถึงห้องเพื่อนทั้งกางเกงเปื้อนฉี่แบบนั้นเลยแล้ว เค้าก็เล่าทั้งหมดให้เพื่อนฟังเพือนบอกว่า ท่าทางผู้หญิงนั่นคงไม่อยากให้เค้าอยู่ที่ห้องนั้นแล้วหล่ะ

พอวันรุ่งขึ้นเค้าโทรไปหายัยป้าคนดูแลตึก ไปด่าว่าห้องนั้นมีอะไรป้า บอกมาไม่งั้นจะฟ้องเจ้าของตึก
(เค้าบอกเค้ารู้มาว่าเจ้าของไม่เคยเข้ามาดูนานแล้วได้แต่ปล่อยให้ยัยป้าเป็นคนดูแล) เค้าคาดคั้นจนยัยป้านั่นเล่าว่า เมื่อก่อนมีผุ้หญิงกับผุ้ชายอยู่ แล้วผู้ชายมันเหมือนจะมีคนใหม่ ผู้หญิงเลยผูกคอตายแขวนกับพัดลมในห้องนั้น ตอนตำรวจมา เห็นตำรวจบอกว่าผุ้หญิงคงตาย เวลาประมาณตี1ครึ่งราวๆนั้น ห้องเลยปิดตายไม่ให้ใครเช่ามานานเพราะทุกคนที่มาเช่าช่วงต่อจากนั้นโดนกันหมด เจ้าของเลยสั่งปิดตายห้องนี้ไว้

พอเค้าฟังเท่านั้นแหล่ะ เค้าออกเลยไม่อยู่แล้วตอนไปเก็บของ เค้าวานให้เพื่อนเป็นคนเข้าไปเก็บ ส่วนตัวเค้ายืนรอข้างนอก เพื่อน4คนเข้าไปเก็บของให้เขา เขาบอกไปว่าจะเลี้ยงเหล้าให้เป็นการตอบแทนแล้วกันช่วยหน่อยเถอะ เค้ามาเดาเอาเองตอนหลังว่ายัยป้า คงกะกินมัดจำค่าห้อง4000 ของเค้าเพราะเจ้าของไม่ได้มาดูอยู่แล้ว และเจ้าของคิดว่าห้องนั้นปิดตายอยู่ เงินทั้งหมดก็เข้ากระเป๋ายัยป้า

(เราเล่าคร่าวๆตามที่ฟังมาอะ ต้องไปฟังเองน้ำเสียงคนเล่าเหมือนสั่นตลอดเพราะเค้าบอกว่าเรื่องเพิ่งเกิดได้แค่ 2หรือ3สัปดาห์นี่เอง) ตอนจบเสียงเค้าเหมือนร้องไห้ ก็ผีผู้หญิงนั่นหลอกซะจนเขาฉี่ราดเลยอะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...