ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เรื่องเล่าจากครูฝึกสอน


เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณมิ้นครับ คุณมิ้นเล่าว่า.. เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงของตัวเองค่ะ เมื่อ 7 ปีที่แล้ว เราเป็นเด็กต่างจังหวัดเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ ตอนนั้นเรียนอยู่ปี 5 เป็นนักศึกษาฝึกสอน หรือเรียกง่ายๆ ว่าครูฝึกสอนนั่นเอง เราได้สอนในโรงเรียนอนุบาลที่มีชื่อและเก่าแก่

แต่สภาพอาคารก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ไม่ได้เก่าอะไร ตอนฝึกสอนก็จะแบ่งนักศึกษาฝึกสอนห้องละ 1 คน ครูประจำชั้น และพี่เลี้ยงอีกอย่างละ 1 คน รวมเป็น 3 คนต่อห้อง ที่ต้องดูแลเด็กประมาณ 25 คน พอฝึกสอนครบ 1 เทอม ก็ต้องย้ายห้อง เทอมแรกเราสอนเด็กชั้นอนุบาล 3 ซึ่งเหตุการณ์ก็ปกติดีไม่มีอะไร แต่แล้วก็มาเกิดเรื่องในเทอมที่ 2 หลังจากที่ต้องย้ายห้องค่ะ จากที่สอนเด็กโตก็มาสอนเด็กเล็กอนุบาล 1การทำงานของครูฝึกสอน เรียกได้ว่าต้องขยันสุดๆ มาถึงโรงเรียน 6 โมงเช้า กลับบ้าน 6 โมงเย็น เป็นอย่างนี้เกือบทุกวัน เช้าวันนั้นจำได้ว่าประมาณ 6 โมงครึ่งเห็นจะได้ เพื่อนเราที่ชื่อ โบ ซึ่งฝึกสอนห้องเดิมที่เราเคยฝึก คืออนุบาล 3/6 ก็วิ่งมาหาเราหน้าตาตื่น เราก็ถามว่า ‘เป็นอะไร ทำไมวิ่งหน้าตาตื่นมาแบบนี้?’ โบตอบด้วยเสียงสั่นๆ ว่า ‘อยู่ๆ พัดลมในห้องก็หมุนพร้อมกันทั้ง 4 ตัว กระดาษปลิวว่อนเต็มห้องไปหมด..’ เราก็เลยแกล้งแซวไปว่า ‘เปิดเองแล้วลืมหรือเปล่า?’ โบยืนยันว่าไม่ได้เปิดเองแน่ๆ อยู่คนเดียว สวิทช์ไม่ได้เปิด แต่พัดลมมันหมุนเอง

ซึ่งเราก็คิดในใจนะว่ามันจะเป็นไปได้ยังไงวะ? เช้าวันนั้นโบไม่กล้ากลับไปที่ห้องเรียนตัวเอง เราต้องเดินไปส่ง.. หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านไป เราก็ไม่ได้เก็บมาคิด จนค่อยๆ ลืมไป ทีนี้ มันก็มีเรื่องที่เกิดกับตัวเราเองบ้าง ต้องขออธิบายลักษณะห้องเรียนที่เราสอนก่อนนะคะ เนื่องจากเป็นเด็กเล็ก จึงมีห้องน้ำในห้องเรียนเลย แล้ววันนั้นต้องพาเด็กๆ ลงไปเล่นที่สนามเด็กเล่น ก็ให้เด็กๆ ทุกคนออกไปใส่รองเท้ารอหน้าห้อง ส่วนเราก็เดินมาปิดไฟ ปิดแอร์ และไม่ลืมที่จะปิดไฟห้องน้ำ พอหันหลังจากปิดไฟห้องน้ำเท่านั้น ก็ได้ยินเสียงเด็กหัวเราะในห้องน้ำ เราก็ เอ๊ะ? ใครอยู่ในห้องน้ำนะ เด็กๆ ออกไปหน้าห้องกันหมดแล้วนี่นา เพื่อความชัวร์ เราก็เลยเปิดไฟเพื่อเดินดูในห้องน้ำทุกห้องใหม่อีกครั้ง เดินดูทีละห้องเลย แต่ก็ไม่มีใคร เท่านั้นล่ะ เรารีบเดินออกจากห้องน้ำอย่างไว ในหัวมีแต่ความสงสัย..ผ่านไปหลายวัน จนลืมเรื่องนี้ไปแล้ว คราวนี้เจอหนักกว่าคราวก่อนอีก คือช่วงเวลานอนกลางวันของเด็กๆ ครูประจำชั้นไปกินข้าว ส่วนเราอยู่เฝ้าเด็กๆ นอนค่ะ ปิดไฟทุกดวง เด็กทุกคนก็หลับสนิท บรรยากาศในห้องมืดสลัวๆ มีเพียงแสงที่ส่องมาจากนอกห้อง แอร์ก็เย็นจนหนาว เราต้องหาอะทำแก้ง่วง เลยหยิบงานมานั่งทำข้างๆ ที่นอนเด็ก ซึ่งตรงกับทางเข้าห้องน้ำพอดี เพราะตรงนั้นต้องเว้นพื้นที่ไว้ให้เด็กเดินผ่านเข้าห้องน้ำ บรรยากาศกำลังเงียบๆ น่าง่วง

อยู่ๆ ก็มีเสียงของตกในห้องน้ำ เราเดาว่าน่าจะเป็นกล่องหวีของเด็ก ก็คิดในใจว่าเราวางชิดผนังแล้ว ทำไมถึงตกลงมาได้ แต่ช่างเถอะ เดี๋ยวค่อยไปเก็บ แล้วก็นั่งทำงานต่อ จู่ๆ ก็มีเสียงดัง ‘ปังๆๆ’ เป็นเสียงคนทุบกระจกเงาในห้องน้ำ เราก็หันไปมอง แล้วก็หันหลับมานับจำนวนเด็กที่นอนอยู่ว่ามีใครลุกไปห้องน้ำหรือเปล่า? แต่ก็นอนอยู่ครบทุกคน.. สักพัก ก็ดังขึ้นมาอีก เสียงทุบกระจก ‘ปังๆๆ’ ดังรัวมาจากข้างในห้องน้ำ ไม่ใช่จากที่อื่นแน่ๆ เพราะเรานั่งอยู่ที่ทางเดินหน้าห้องน้ำ ได้ยินชัดมาก เสียงดังมากๆ ไม่ยอมหยุด ตอนนั้นเราก็เริ่มกลัวละ แต่เอาวะ เป็นไงเป็นกัน กลั้นใจลุกไปเปิดไฟห้องน้ำ ปรากฏว่าพอเปิดไฟปุ๊บ เสียงทุบกระจกหยุดลงปั๊บ และในห้องน้ำไม่มีใครเลย.. เรามองดูกล่องหวีที่คิดว่าตกลงมา แต่อ้าว! มันยังวางอยู่ที่เดิม เราคิดว่าโดนแล้วล่ะ เลยเปิดไฟทิ้งไว้แบบนั้นเลยค่ะ

ตกเย็นเรากลับถึงหอพัก รีบโทรหาพ่อทันทีเลยค่ะ บอกพ่อว่าเราไม่ไหวแล้ว โดนผีหลอก 2 รอบละ พ่อก็พูดปลอบใจว่า ‘วันหยุดกลับมาบ้านสิ เดี๋ยวพ่อหาพระไว้ให้คล้องสักองค์..’ เราไม่รอช้าค่ะ วันหยุดเสาร์อาทิตย์เรากลับบ้านหาพ่อแม่ที่ต่างจังหวัดทันที พ่อเราให้พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าองค์เล็กๆ มาคล้อง พ่อบอกว่าศักดิ์สิทธิ์มาก เก็บรักษาไว้ให้ดีๆ เราก็สวมไว้ที่คอโดยไม่ถอดออกเลย จนผ่านไป 1 สัปดาห์ เราพยายามไปโรงเรียนไม่เช้ามาก และกลับไม่เย็นมาก แต่เผอิญว่าวันนั้นที่โรงเรียนดันมีโครงการดอกไม้ ต้องอยู่ช่วยกันทำกับเพื่อนๆ ให้เสร็จ เลยต้องกลับเย็น เรานั่งทำงานกันใต้ตึกจนเวลาผ่านไปถึงเกือบ 6 โมงเย็น ช่วงนั้นหน้าหนาวจะมืดเร็วกว่าปกติอีกต่างหาก แล้วก็ซวยซ้ำซ้อน ที่ดันลืมของไว้ในห้องเรียน ต้องขึ้นไปเอา ห้องเรียนเราอยู่ชั้น 2 จะชวนเพื่อนคนไหนไปเป็นเพื่อน ก็ดูจะยุ่งๆ กันหมด เราเลยขึ้นไปคนเดียว เปิดไฟทุกดวงในห้องแล้วเดินไปหยิบของ ตอนนั้นก็รู้สึกโอเคไม่น่าจะมีอะไร ทีนี้เราปวดฉี่ มองซ้ายมองขวาไม่มีใคร จะไปเข้าห้องน้ำครูก็อยู่ชั้น 3 เลย ก็มักง่ายเข้าห้องน้ำเด็กเอาแล้วกัน แต่เราไม่เปิดไฟนะ เพราะห้องน้ำ

เด็กจะไม่มีประตูปิด ก็เดินมืดๆ เข้าไปประมาณห้องที่ 3 ถ้าจำไม่ผิด ขณะกำลังจะนั่งลงจะฉี่ จู่ๆ ก็มีแสงสว่างวาบจนแสบตา ออกมาจากคอของเรา ตอนนั้นจำได้แม่นเลย เป็นแสงสีเหลืองสว่างวาบไปทั่วทั้งห้องน้ำ วาบเดียวสั้นๆ แต่สิ่งที่เราเห็นนั้นทำเอาเราจำติดตาเลยค่ะ เพราะมันมีเงารูปร่างคนนั่งอยู่ที่ขอบอ่างล้างหน้า ตำแหน่งตรงกันข้ามกับเรา ประมาณว่านั่งมองกันยังไงยังงั้นเลยค่ะ! อารมณ์นั้นคือช็อคสุดๆ ฉี่ไม่ออกแล้วค่ะ โกยเลยทีเดียว ของก็ยังไม่ทันได้หยิบ ปิดไฟในห้องแล้ววิ่งลงเลย ลงไปบอกกับเพื่อนว่ามีธุระด่วนขอกลับก่อน พอกลับถึงหอพัก เรารีบโทรหาพ่อเลย เล่าเหตุการณ์ให้พ่อฟัง พ่อก็บอกว่า ‘มันเป็นอภินิหารที่พระท่านคุ้มครองเราจากสิ่งไม่ดี..’

แล้วจากวันนั้น เราก็ไม่เคยถูกผีหลอกอีกเลยค่ะ แล้วด้วยความอยากรู้เรื่องราว เราเลยไปถามภารโรงที่อยู่มานาน เขาก็เล่าให้ฟังว่า ‘เมื่อนานมาแล้ว ในห้องน้ำนั้นมีเด็กปีนเล่นซนจนล้มลงมาหัวฟาดตาย นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายเรื่องนะ ก็อย่างว่า โรงเรียนนี้มันจะร้อยปีแล้วนี่นะ..’ เอาจริงๆ เราว่าทุกที่ก็เคยมีคนตายนั่นล่ะค่ะ ที่รู้ๆ คือปัจุบันพระเรายังติดตัวเสมอ เพราะถอดทีไรเป็นเรื่องทุกที

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ