ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

"กูกินไม่ได้!! นี่ไม่ใช่ข้าวของกู มึงไม่เคยใส่บาตรให้กูเลย!!!"...อยากมองดีนัก


เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดพึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ปุ้มได้ประสบพบเจอมาด้วยตัวเองในที่ทำงานแห่งหนึ่ง วันนั้นหลังจากที่ปุ้มทานข้าวกลางวันเสร็จ ปุ้มก็เดินกลับไปหาเืพ่อนยังห้องทำงานของเพื่อนเธอเอง ทั้งปุ้มและเพื่อนได้นั่งคุยเล่น นั่งทานขนมเล่นกันอยู่พักใหญ่ พอถึงเวลาที่ต้องเข้าทำงานต่อ ปุ้มก็เดินออกมาจากห้อง 

แต่ระหว่างที่เดินออกมานั้นปุ้มเหลือบไปมอง ที่ใต้โต๊ะของพี่คนหนึ่งเข้า ซึ่งโต๊ะทำงานตัวนี้ก็ตั้งอยู่ในห้องทำงานห้องเดียวกับเพื่อนของปุ้ม หางตาของปุ้มเห็นเหมือนมีเด็กคนหนึ่ง นั่งซุกตัวอยู่ใต้โต๊ะทำงานของรุ่นพี่ ตัวของปุ้มนั้นได้เดินออกไปถึงประตูแล้ว แต่ด้วยความสงสัยปุ้มจึงเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง เดินเลยโต๊ะทำงานของรุ่นพี่คนนั้นไปถึงหลังห้อง แค่ก็กลัวเพื่อนจะสงสัยก็เลยแกล้งทำเหมือนว่าลืมของไว้ แกล้งกลับมาหลิบแก้วน้ำ แล้วค่อยๆเดินออกจากห้องไป ระหว่างที่ปุ้มหันหน้าจะเดินออกจากห้องนั้นสายตาก็จ้องไปที่ใต้โต๊ะของรุ่นพี่ รอบนี้เป็นการมองแบบตั้งใจ ซึ่งสิ่งที่ปุ้มเห็นในรอบแรกก็ยังคงเป็นเรื่องจริง ใต้โต๊ะทำงานตัวนั้นมีเด็กคนหนึ่งนั่งซุกตัวอยู่ใต้โต๊ะ ปุ้มตกใจหลุดปากร้อง เฮ้ย!! ออกมา
แล้วรีบเดินผ่านโต๊ะทำงานตัวนั้นไปอย่างรวดเร็ว คนอื่นๆที่อยู่ในห้องนั้นก็ถามว่า เป็นอะไร มีอะไรรึเปล่า ปุ้มก็บอกว่าไม่มีอะไร

แค่ลองเสียงเฉยๆ รุ่นพี่คนอื่นๆในห้องนั้นก็ต่อว่าไล่หลังมาโทษฐานที่ทำให้ตกใจ ส่วนปุ้มเองก็รีบออกจากห้องทำงานนั้นทันที ขนลุกไปทั่วทั้งตัว รู้สึกเลยว่าคำว่าขนหัวลุกมันเป็นยังไง พอเลิกงานช่วงเย็นปุ้มก็ต้องเดินไปตอกบัตรออกงานที่ห้องนั้น  แต่ปุ้มนั้นไม่อยากเข้าไปเลย พอปุ้มเข้าไปในห้องอาการขนหัวลุกก็กลับมาอีกครั้ง ความรู้สึกเหมือนกับว่าปุ้มรับรู้ได้ในทันทีว่า เด็กคนนั้นยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ลักษณะของเด็กคนนั้นในความรู้สึกน่าจะเป็นเด็กผู้ชาย ใส่เสื้อสีเหลือง นั่งก้มหน้าก้มตากอดเข่าอยู่ใต้โต๊ะ ปุ้มไม่ได้เห็นหน้าของน้องเขา แต่เห็นเลยว่าตัวของน้องเขานั้นขาวและซีดมาก เรื่องราวของเย็นวันนั้นก็จบไป

เช้าวันรุ่งขึ้นปุ้มก็เดินเอาขนมไปตั้งไว้ที่โต๊ะทำงานของรุ่นพี่ตั้งแต่เช้าตรู่ แล้วบอกกับเด็กที่เห็นว่าให้น้องทานซะ คืนนั้น ปุ้มก็ได้ฝันว่าเธอได้เปิดประตู้เข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ภาพที่ปุ้มเห็นคือมีเด็กคนหนึ่งกำลังขี่คอรุ่นพี่ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของโต๊ะตัวนั้น ปุ้มได้แต่อึ้ง ทำอะไรไม่ถูก "ความฝัน ความฝัน!!" ปุ้มคิดอยู่ตลอดเวลาว่านี่คือความฝัน แล้วในฝันนั้น รุ่นพี่คนนั้นก็ถามปุ้มว่า"เป็นไงปุ้ม นี่ลูกของพี่ น่ารักมั้ย" เด็กคนนั้นยังคงขี่คอของรุ่นพี่อยู่ แต่ก้มหน้าก้มตาไม่เงยหน้ามาทางปุ้มเลย รุ่นพี่คนนั้นก็ชวนปุ้มทานข้าว
ปุ้มก็นั่งทาน แต่ว่าน้องก็ไม่ยอมลงมาจากคอของรุ่นพี่เลย แล้วจู่ๆเด็กคนนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงที่โกรธแค้น "กรุกินไม่ได้!! นี่ไม่ใช่ข้าวของกรุ  เมิง ไม่เคยใส่บาตรให้กรุเลย!!!" เสียงที่โกรธแค้นดังออกมาจากปากเด็กคนนั้น ดังมากจนทำให้ปุ้มตื่นจากความฝัน

ในเช้าวันต่อมาปุ้มตัดสินใจเดินไปเล่าเรื่องทุกอย่างให้รุ่นพี่ผู้หญิงคนนั้นตามความจริงทั้งหมด เล่าตั้งแต่เรื่องแรก ที่ปุ้มได้เห็นไปจนถึงเรื่องความฝัน รุ่นพี่คนนั้นพอได้รับฟังก็ได้แต่ก้มหน้า ท่าทางเหมือนจะร้องไห้ แล้วบอกกับปุ้มว่า "เดี๋ยววันเสาร์นี้ พี่จะไปทำสังฆทางให้น้องเขาก็แล้วกัน" เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้.... (เราเดาว่าผู้หญิงคนนี้คงจะเคยไปทำแท้งมา หรือแนะนำให้คนอื่นไปทำแท้งน่ะ)

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ