ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

รำรับโศก...ชายชุดขาวชี้หน้าแล้วพูดขึ้นว่า"เมิงเนี่ยยังโชคดีนะ"


เรื่องที่เกิดที่ศาลแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ ต้นเป็นลิเก วันนั้นไปเล่นลิเกที่จันทบุรีเสร็จประมาณตีสองแล้วจะไปศาลเจ้าที่บางปูสมุทรปราการ ประมาณตี 4 แวะปั๊มที่ระยอง ปั๊มน้ำมันเงียบสงัดมาก ด้วยช่วงใกล้สว่าง ต้นมากันสี่คน ก็พากันไปเข้าห้องน้ำ เพื่อนของต้นเป็นกระเทยอยู่คนหนึ่งที่ติดอยู่ห้องน้ำริมสุด

เพื่อนกระเทยพูดว่าต้นดูสิ ใครเอารูปมาติดไว้ หล่อจังเลย เลยพูดเล่นๆ ไปกับรูปว่าไปอยู่กับเจ้มั้ย เจ้จะรอดูปูเสื้ออย่างดี แล้วเพื่อนก็เรียก ก่อนขึ้นรถต้นก็พูดว่าขออันเชิญพะยะค่ะ หยอกตามภาษาลิเก แต่ไม่เอ่ยชื่อใคร  หลังจากนั้นต้นไม่รู้สึกตัวอีกเลย มาฟังเพื่อนเล่าให้ฟังทีหลังว่า ต้นเดินออกไปที่ถนนจนเพื่อนเรียกว่าต้นไปไหน ตอนนั้นต้นจึงได้สติ ทุกคนจึงพากันขึ้นรถ ขับไปเรื่อยๆ ก็ได้กลิ้นตุๆ เหม็นๆ ในรถ ต้นก็ถามพี่จิมที่เป็นคนขับรถว่ารู้สึกเหมือนต้นมั้ย พี่จิมก็บอกว่ารู้สึกตั้งแต่อยู่ที่ปั๊ม ต้นกับจิมก็มองผ่านกระจกหลัง ปรากฏว่าเพื่อนสองคนที่มาด้วยก็นั่งหลับอยู่คนละมุมแล้วตรงกลางเป็นผู้หญิงผมยาวๆนั่งอยู่ ต้นกับจิมตัดสินใจจอดรถและเปิดประตูรถ แล้วนึกถึงพ่อแก่ ตามความเชื่อว่าให้ช่วยด้วย แล้วต้นเลยพูดลอยๆ ขึ้นมาว่าผมมาส่งได้แค่นี้แหละ ถ้าเกิดผมเชิญขึ้นรถโดยไม่รู้ผมก็ขอโทษด้วย แล้วก็ปิดประตูรถแล้วรีบขับรถออกไปทันที

จนไปถึงโค้งผาแดงที่ชลบุรี มีศาลอยู่ศาลหนึ่ง ต้นกับจิมก็มองเห็นผู้หญิงคนนั้นยืนพนมมืออยู่แต่ไม่มีท่อนขา ยกมือไหว้เหมือนขอบคุณ ต้นจึงยกมือไหว้เรียกพ่อแก่ให้ปกป้องรักษา ที่นี้ทุกคนก็เดินทางต่อไปถึงศาลเจ้าแห่งหนึ่งที่บางปูประมาณตีห้า งานนี้เป็นงานรำแก้บน โดยต้องแก้ทั้งหมดร้อยไหว้ ในตอนเช้า พอไหว้สุดท้ายเจ้าภาพขอแบบพิเศษหน่อย ทางต้นจึงจัดพิเศษเป็นรำรับทรัพย์ชาตรี เป็นกึ่งมโนราห์ แล้วก็มีต้นกับฝน ซึ่งเป็นตัวพระกับตัวนาง ก่อนรำต้นก็ประกาศว่ารำชุดนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก ใครมีอยากปลดทุกข์ในเอาเงินขึ้นมาอธิฐานให้ความทุกข์โศกมากับเงินแล้วเอาเงินมาให้กับรำชุดนี้ รวมแล้วได้เงินมากกว่าแปดพันบาท แล้วก็เอาไปบริจาค ส่วนจะมีเศษเหรียญอีกสองร้อยกว่าบาทว่าจะเอาไปทำบุญในพรุ่งนี้

พอตอนเย็นที่ต้นต้องไปแสดงลิเก ชุดที่จะรำคือศรีไชยสิงห์ ซึ่งเป็นการรำที่ศักดิ์สิทธิ์ ก่อนขึ้นรำที่ด้านหลังเวที มีคนแก่ใส่ชุดขาวเหมือนร่างทรงแล้วมีไม้สักพรต โดยมีผู้หญิงสองคนประคองมา แล้วมีคนเดินตามมา ต้นยกมือไหว้ คนชุดขาวชี้หน้าต้นแล้วบอกว่าเมิงเนี่ยยังโชคดีนะ แล้วก็เห็นจิมก็บอกว่าเมิงเนี่ยเหมือนลูกกูนะ มีอนาโลมที่หน้าผาก (จุดสีแดงๆ) จากนั้นต้นก็ไปแสดงลิเก แล้วคนนุ่งขาวก็หายไปตอนไหนไม่รู้ สักพักพอจะกลับ จิมก็ไปที่รถแล้วเดินกลับมาโวยวายว่ากุญแจรถหัก จึงพากันไปดูที่รถว่ามีปลายกุญแจที่หักคาอยู่มั้ย ก็ปรากฏว่าไม่มี ก็ไม่มีรถกลับกันทีนี้ พอดีมีพี่วงปี่พาทย์เอารถมา  ส่วนอีกคนก็มีรถเก๋งจึงชวนต้นและจิมนั่งไปกับรถเก๋ง ไปเอากุญแจสำรองที่จันทบุรี โดยให้เด็กสองคนเฝ้าของไว้ก่อน โดยมีรถปี่พาทย์นำหน้า แล้วก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับรถปี่พาทย์คันข้างหน้ารถสิบล้ออัดก๊อปปี้ โดยครูที่สอนลิเกก็เสียชีวิตคาที่ ต้นกับจิมและคนที่อยู่ในรถเก๋งก็ลงมาดู 

สักพักมีสายจากเด็กที่เฝ้าของโทรมาบอกว่าคนชุดขาวที่ชี้หน้าต้น มาบอกว่า กูมาส่งเมิงกลับบ้านแล้วนะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ