ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สัมมนาสยอง เรื่องหลอนๆเกิดขึ้นที่รีสอร์ทในนครนายก


หวัดดีค่ะ เพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน เราเป็นสมาชิกใหม่นะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ..^^...เรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้ คือเรื่องจริงที่เกิดจากสถานที่จริง ใครๆ ก็คงรู้ว่าแถวๆ นครนายก รีสอร์ทจะเยอะมากเพราะอากาศดี วิวสวย เป็นที่ชื่นชอบของพวกที่ไปสัมมนาเป็นหมู่คณะ 

และแล้วเรื่องที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับคณะเราก็เกิดขึ้น นั่นคือการได้ไปรีสอร์ทแห่งหนึ่ง อยู่จ.นครนายก (ไม่ขอเอ่ยชื่อนะคะ) ก็ไปสัมมนาปกติเหมือนทุกครั้งที่ไปๆกัน แต่ครั้งนี้พิเศษมากคือได้พบก็สิ่งลึกลับด้วยอ่ะดิ ก่อนไปก็ได้มีการเข้าไปเยี่ยมชมและเลือกสถานที่กันอยู่หลายแห่ง และบทสรุปก็คือรีสอร์ทแสนธรรมชาติ เงียบสงบ แห่งนี้ ภาพบรรยากาศรีสอร์ทในเว็บไซต์อย่างสวย และดูดีมากๆ น่าไปสุดๆ  ก็ทำการจองห้องพัก ห้องสัมมนา ระบุวัน จำนวนคน เป็นที่เรียบร้อย เมื่อถึงวันไป ก็นัดกับบุคลากรมาขึ้นรถบัสกันอย่างพร้อมเพรียง พร้อมออกเดินทางในยามเช้า ทุกคนหน้าตาสดชื่น แจ่มใส จัดเต็มทั้งเสื้อผ้า หน้าผม ระหว่างทางก็ยังสนุกสนานเฮฮา เมื่อถึงทางที่จะเข้าไปในรีสอร์ท ทุกอย่างเงียบสงัด คนบนรถก็เช่นกัน เงียบแบบอัตโนมัติโดยไม่รู้ว่าทำไม????

นึกภาพตามนะคะ  ทางเข้าเป็นแบบว่าทางเข้าจูราสสิค เวิลด์อ่ะ มีต้นไม้ใหญ่อยู่ 2 ข้าง มีป้ายรีสอร์ทอยู่ด้านบน มีประตูเหล็กแบบว่าสนิมเกาะเสมือนว่าไม่ได้เปิดใช้งานมานานมาก เมื่อรถบัสไปถึงหน้าประตู ก็จอดรอคนมาเปิด และกว่าคนจะมาเปิดก็รอประมาณเกือบ 20 นาที  เป็นลุงแก่ๆคนนึงขี่รถมาเปิดให้ ระหว่างที่รถวิ่งเข้ามาข้างใน มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมทั้ง 2 ข้างทาง มีภูเขาล้อมรอบ ประมาณ 2-3 กิโล ก็ถึงที่พัก ทุกอย่างเงียบสงัดเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นบนรถบัส หรือสถานที่พัก โอ้ว!!!!!!!แม่จ้าว..........ไม่มีคนมาพักเลยเหรอเนี้ย มีแค่เราคนบนรถบัส 1 คันเท่านั้น พนักงานต้อนรับไม่ต้องพูดถึง จนทุกคนลงมาจากรถหมดแล้ว พนักงานต้อนรับยังไม่เห็นเลยจร้า ต้องรอพนักงานอีกพักนึงเลยนะกว่าจะมาถึงกัน ทุกคนที่ไปพูดเป็นเสียงเดียวเลยว่า "น่ากลัวว่ะ" แต่ก็ไม่ได้คิดไรกันมาก คิดแต่ว่าไม่ใช่เทศกาลมั้ง คนเลยไม่ค่อยมาพักกัน ก็คงเป็นเหมือนกันทุกรีสอร์ทอ่ะ 

พนักงานแจกกุญแจห้องให้แต่ละคน ซึ่ง 4 คน/1 ห้อง และห้องพักที่นี่เป็นไม้ทั้งหมด ยกเว้นตรงแผนกต้อนรับเป็นตึกปูน 5 ชั้น เมื่อได้กุญแจห้องก็แยกย้ายกันเอาสัมภาระไปเก็บ ระหว่างทางที่เดินไปที่ห้องพักก็จะมีแต่ต้นไม้เก่าแก่ คือดูออกอ่ะว่าเป็นต้นไม้เก่ามากๆ เพราะต้นใหญ่มาก และก็พวกต้นจำปี จำปา ต้นไม้โบราณ ที่ส่งกลิ่นหอมตอนกลางคืนอ่ะ เมื่อถึงห้องพักก็เก็บของกันเป็นที่เรียบร้อย นั่งเม้าส์กันถึงที่พักว่าน่ากลัว ก็มีพี่คนนึงเล่นพิเรน เอาผมมาปิดหน้าปิดตาแล้วให้เพื่อนถ่ายรูปไว้ให้ดูน่ากลัว ไว้แกล้งคนอื่นๆ ซึ่งพอเพื่อนถ่ายเสร็จก็มาดูรูป ปรากฎว่ารูปที่ออกมาทั้งหมดมีลักษณะเหมือนผีจริงๆ เหมือนมากจนพี่คนที่เป็นคนถ่ายต้องลบรูปทั้งหมดทิ้งไป แต่ไม่ได้บอกใคร บอกแต่ว่าถ่ายแล้วไม่สวยเลยลบออกหมดแระ  

ช่วงเย็นทุกคนก็มาพร้อมกันที่ห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน  กินเสร็จก็พักผ่อนตามอัธยาศัย แต่ส่วนใหญ่จะกลับห้องกันหมดเพราะยิ่งมืดยิ่งวังเวงมาก มีพี่คนนึงระหว่างเดินกลับห้องก็ผ่านต้นจำปี เห็นว่าออกดอกเต็มต้นเลย หอมด้วย พี่เขาก็เลยหยิบมาดมกะว่าจะเอากลับห้องด้วย 1 ดอก (หยิบที่ล่วงหล่นพื้นนะ ไม่ได้เด็ดจากต้น) เท่านั้นล่ะ สร้อยพระที่แขวนอยู่ที่คอขาดหลุดจากคอเลยทันทีที่หยิบดอกจำปีขึ้นมา สร้อยก็ขาดทันที (ขนลุกอ่ะ) พี่เขาก็เลยวางดอกจำปีไว้ที่เดิมและไม่ได้พูดไรกับใครทั้งนั้น และคืนแห่งความทรงจำก็มาถึง..

ส่วนใหญ่เมื่อเวลาที่เราได้ไปสัมมนาหรือไปทัศนศึกษา ยามค่ำคืนก็จะไม่ค่อยได้นอนกันสักเท่าไหร่ เพราะจะมีกิจกรรมลับสมองกันตลอด ก็ตั้งวงกันเลยจร้า ประชากรในห้องก็เยอะอยู่นะประมาณเกือบ 10 คนได้ แรกๆ ก็ยังไม่มีไร เล่นไปเล่นมายิ่งดึกยิ่งเงียบ ระหว่างเล่นก็ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างดังมาจากเพดานห้อง เป็นคล้ายๆ เสียงคนลากเก้าอี้ เสียงคนพูดคุย และเสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ภาษาที่ได้ยินไม่ใช่ภาษาไทย เป็นภาษาไรไม่รู้อ่ะ ฟังไม่รู้เรื่อง สักพักแล้วเสียงนั้นก็หายไป และเสียงก็มาดังหน้าห้องเลยจร้า เหมือนมีคนมาเคาะประตู ก็เลยมาแอบดูต้องช่องตาแมว ก็ไม่มีใคร สักพักได้ยินเสียงมอไซค์ผ่านหน้าห้องไป ทีนี้แระคร้าาาาาาา คนที่มาจากห้องอื่นก็ไม่กลับห้องแระ นอนมันห้องเดียวกันหมดเลยจร้า... 

พอตอนเช้า ต้องมาพร้อมกันที่ห้องสัมมนาเพื่ออบรม แต่ละคนมาสภาพเดียวกันคือ  สะโหลสะเหล ขอบตาดำ หน้าแบบว่าไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว โดยไม่ได้มีการคุยกันหรืออะไรทั้งนั้น ต่างคนต่างไม่มีใครพูดไรเลย จนสัมมนาเสร็จอย่างรวดเร็ว และทางรีสอร์ทได้มีการแนะนำกิจกรรมในรีสอร์ท เช่น ล่องแก่ง เล่นน้ำตก ฯลฯ ซึ่งไม่มีใครร่วมทำกิจกรรมใดๆทั้งสิ้น และได้มีคนเสนอขึ้นว่า "ในเมื่อสัมมนาเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กลับเลยแล้วกัน จะได้ถึงบ้านไม่ดึกมาก"  ทุกคนลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า "โอเค"
ระหว่างเดินทางกลับ ตั้งแต่ออกจากรีสอร์ทจนถึงบ้าน ไม่มีใครพูดหรือถามไรเกี่ยวกับรีสอร์ทเลยแม้แต่คนเดียว บรรยากาศบนรถเงียบสนิท เพราะทุกคนหลับกันหมด  และได้ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพกันทุกคน 

วันรุ่งขึ้นก็มาทำงานกันปกติ ทีนี้แหละค่ะ แทบไม่ต้องทำงานกันเลยเม้าส์แตกเรื่องรีสอร์ทกันระเบิดเถิดเทิงเลยจร้า ว่าแต่ละห้องเป็นไงบ้าง ปรากฎว่าเจอทุกห้องจร้า บางห้องก็มาเป็นเงาดำๆดึงขาตลอดทั้งคืนจนไม่ได้นอน บางห้องมาเป็นเสียงแบบอยู่ในสนามรบ บางคนมาแบบว่าชวนไปอยู่ด้วย บางคนมีเงาดำมานั่งอยู่ปลายเตียง แต่ละเคสน่ากลัวทั้งนั้นเลย ตั้งแต่วันนั้น จนวันนี้ผ่านมา 5 ปีแระ ไม่มีใครลืมรีสอร์ทนั้นได้เลย ยังไงถ้าเพื่อนจะไปพักรีสอร์ทก็ดูกันดีๆนะคะ อย่าเชื่อรูปภาพที่คุณเห็นในเว็บไซต์ ควรที่จะดูรีวิว หรือช่องแสดงความคิดเห็นประกอบด้วยก็ดีนะ จะได้ไม่ต้องประสบชะตากรรมเดียวกับพวกเรา



เป็นไงบ้างคะ เรื่องเล่า ขวัญสยอง ของเรา ถ้าเพื่อนๆ คนไหน มีประสบการณ์หลอนๆก็แชร์ความคิดกันได้นะคะ ยินดีค่ะ แล้วตอนต่อไปจะเป็นเรื่องอะไร รอติดตามกันได้นะคะ........เร็วๆนี้ ^^

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ