ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

"ลืมหรอ เอาไปสิๆ" ลิฟท์ตัวกลางที่รพ.ทหาร


ณ.รพ.ทหาร แห่งหนึ่ง ตอนนั้นเพิ่งสร้างตึก เฉลิมพระเกียรติ60 พรรษา ของ ร.9 แล้วเสร็จใหม่ๆ กำลังพลก้อช่วยกันขนของ เพืี่อเข้ายังสำนักงานใหม่ทันที กองอำนวยการ ตลอดจนกำลังพลสำคัญ อยู่ชั้น 11 การขนของขึ้นมายังชั้น 11 นั้น แน่นอน ต้องใช้ลิฟ ต่างคน ต่างขนของ ชุนมุน วุ่นวายกับการจับจองพื้นที่การทำงาน ของตัวเองอยู่นั้น บริเวณหน้าลิฟ มีเสียง โวยวาย กรีดร้อง ดังลั่น ไปหมด สิ่งที่เห็นเมื่อออกไป

ร่างของจ่าพิเศษ นอนอยู่ที่พื้น หน้าลิฟ แต่ทว่า ร่างนั้น ไม่มีหัว...ไม่ใช่สิ .... ร่างนั้น... ตั้งแต่ช่วงใต้ราวนมขึ้นมาถึงหัว หายไป. ส่วนร่างที่กองอยุ่ตรงหน้า คือส่วนใต้ราวนม ลงมา ถึงปลายเท้า กองอวัยวะภายใน ไขมัน กลิ่นคาวเลือด คละคลุ้ง ไปหมด จากการสอบถาม ได้ความว่า ขณะขนของ จ่าคนนี้ มากดลิฟ เพื่อจะลงไปเอาของมาอีก พอลิฟ ที่มารับเปิดออก กลับไม่มีพื้นลิฟ คล้ายๆว่า ลิฟเปิด แต่ภายในเป็นช่องสลิงดึงลิฟ ขึ้น-ลง ขณะนั้น จ่า ได้เดินไปชะโงกหน้าดูภายในช่องลิฟ ดังกล่าว แต่ไฟที่บอกชั้นลิฟ กัอดับลง พร้อมกับลิฟตัวนั้น หล่นลงมาอย่างรวดเร็ว กระชากเอาส่วนบนของลำตัวจ่าไปด้วยทันที และลิฟก้อได้ไปค้างอยุ่ชั้น 4 พอกู้ขึ้นมา ถึงพบส่วนบนของจ่า ในสภาพแหลกเหลว ไม่มีชิ้นดี หลังจาก เก็บกู้เรียบร้อยแล้ว ลิฟตัวกลาง ถูกปิดใช้งาน ถึง 30 วัน

วันที่เกิดเรื่อง...เราต้องเข้าเวรเก็บเงิน ตอนกลางคืน เราจะรับเวรช่วง 00.00 น. ออก 08.00 น. เราเลิกงานแล้ว ก้อนั่งเล่นเกมในคอม รอเวลาเข้าเวรไปเรืี่อยๆ จนกระทั่งเวลา 23.30 น. เราก้อเตรียมไปรับเวร พร้อมพี่อีกคน เราก้อเดินไปกดลิฟ สักพัก ลิฟตัวกลาง ขึ้นมารับ เรากับพี่ ก้อเข้าไป กดชั้น1 ระหว่างลิฟ ลงมา พี่ก้อพูดขึ้นว่า แม่ง กลิ่นเลือดจ่าพิเศษ ยังไม่หายเลย เหม็นฉิบฯ เราตกใจ ทักพี่ว่า จะมาทักทำไม พี่บอก รพ.ผีเยอะ เจอสิดี จะได้ชิน....พอพี่พูดจบเราได้กลิ่นทันที จากตอนแรก เราไม่ได้กลิ่นเลย 
พอลิฟมาถึงชั้น1 เรารีบออกก่อนเลย พี่ที่เดินตามมาหัวเราะเรา อย่างสนุกสนาน ช่วงจังหวะ ที่เราเดินออกจากลิฟ ต้องเลี้ยวซ้าย เพืีอไปห้องเวร ประตูลิฟ กำลังจะปิด หางตาเรา มองเห็นจ่าพิเศษ ยืนอยู่ในลิฟ เรารัองเสียงหลงเลย รีบวิ่งไปห้องเวรทันที ไม่รอพี่ที่เจ้าเวรคู่กันแล้ว 

สักพักพี่ก้อเดินมา และบอกว่า วิ่งไม่รอเลย จะหลอกพี่หรอ ไม่กลัวหรอก เราไม่พูด เพราะพูดไปก้อไม่เชื่อ สักพัก หลังรับเวรแล้ว พี่บอก ลืมตังทอน จะขึ้นไปเอา เราบอกให้ยืมตังทอนเราไปก่อน แกบอก ไม่เอา เดี๋ยวส่งเวรเช้า ก้อต้องขึ้นไปอยู่ดี สรุปแกดื้อดึงจะขึ้น เราเองก้อกลัว เพราะต้องอยุ่คนเดียว ได้แค่บอก รีบมานะ...ผ่านไปเกือบ 30 นาที พี่แกก้อยังไม่มา คนไข้มาจ่ายตังก้อเยอะ พอตี 2 เราก้อเห็น หน.ของเรา เดินมาหาเราที่ห้องเวร หน. บอกว่า พี่ที่เข้าเวรคู่กับเรา แก ช็อค นอนอยู่ ER ที่ รพ.เรานี่แหล่ะ เราเลยลงไปดู หน้าแก ขาวซีด ราวกับไม่มีเลือด ตาเบิกโพรง อยุ่แบบนั้น หมอเจาะเลือดไปตรวจ หาสารเสพติด ตามแนวทางการรักษาของเค้า

หน.เล่าว่าขณะนอนหลับ ทหารเวร โทร ไปหาแก บอกว่าลูกน้อง มีอาการช๊อค อยู่หน้าลิฟ ตอนนี้ส่งตัวไป ER แล้ว เราเลยเล่าเรืี่องก่อนรับเวรให้หน.ฟัง พอ หน.ฟังจบแกก้อกลับแฟลตไป และกลับมาอีกครั้งพรัอมขวดน้ำเปล่า แกบอก ข้างในเป็นน้ำมนต์ แกเอามาเทใส่ผ้า แล้วให้เราเช็ดหน้า เช็ดตัว และใส่เซริง ป้อนให้เข้าปากพี่ เราทำตามที่ หน. สั่ง ราว ครึ่ง ชม. แกเริ่มมีสติ กระพริบตาได้ แต่ยังพูดไม่ออก น้ำตาไหลเป็นทางลงมาจนเปียกหมอนเลย....ตีสามกว่าๆ สติมาเต็ม เลยขอหมอออกมาที่ห้องเวร พี่แกเล่าให้เรา และ หน. ฟังว่า แกขึ้นไปเอาตังทอน แกกดเรียกลิฟ พอลิฟมา แกก้อเข้าลิฟตามปกติ แต่บรรยากาศในลิฟ มันอึดอัดมาก เหมือนจะหายใจไม่ออก กลิ่นก้อเหม็น พอลิฟเคลื่อนมาถึง ชั้น4 มีคนกด แกก้ออุ่นใจว่ามีคนเข้ามา พอประตูลิฟปิด กลิ่นเหม็นมันรุนแรงขึ้นมากเท่าทวีคูณ แกเลยจะถามผุ้ร่วมลิฟ ว่าได้กลิ่นไหม

แกหันไปจะอ้าปากถาม แต่...แกต้องอ้าปากค้าง ชายที่ขึ้นมาตอนนี้ มีแต่ลำตัวท่อนล่างยืนอยู่ ท่อนบนหักไปข้างหลัง ... ขณะที่อ้าปากค้าอยู่นั้น ท่อนบนที่หักไปข้างหลัง ก้อค่อยๆ ขึ้นมา ประกบลำตัว แต่ใบหน้าเละ จนไม่เห็น อวัยวะบนใบหน้า ส่วนมือนั้น ยื่นมาที่แก พร้อมถุงตังทอน พร้อมพูดว่า ลืมหรอ เอาไปสิ เอาไปสิ ซ้ำไป ซ้ำมา อยุ่อย่างนั้น แกกดลิฟเปิดรัวๆ พอลิฟเปิด แกรีบวิ่งออกมา จังหวะที่กำลังจะก้าวพ้นลิฟนั้น แกหกล้มลงไปนอนที่พื้น เพราะสะดุด อะไรบางอย่าง แกเงยหน้าขึ้นมา สิ่งที่แกสะดุด คือ ร่างของจ่าพิเศษ ท่อนล่าง ไม่มีหัว มีเพียงมือข้างเดียว ที่ยื่น ถุงเงินทอนให้แก จากนั้น ทุกอย่างสำหรับแกดับวูบไปหมด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...