ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เธอตามมาด้วย..."พี่ นั่นแฟนพี่เหรอ ทำไมพี่ไม่เรียกมากินข้าวด้วยกันละ"


ผมเคยทำงานเป็นอาสาสมัครกู้ภัยของมูลนิธิแห่งหนึ่ง ตอนนั้นใจผมไม่ได้คิดหวังสิ่งใดตอบแทน คิดเพียงว่าต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันที่ตกทุกข์ได้ยาก กลุ่มของผมมีด้วยกัน 4 คนคือ เจ้าโจ้ เจ้าเอ เจ้าอ้วน และผม ซึ่งพวกเราจะรวมกลุ่มกันขับรถออกตระเวนตามถนนหนทางไปเรื่อยๆ ซึ่งรถที่พวกผมใช้กันนั้นก็เป็นรถปิกอัพของทางมูลนิธินั่นเอง

คืนนั้น พวกผมก็ขับรถออกไปตามถนนเหมือนเคย แต่คืนนั้นพวกผมเลือกที่จะมุ่งหน้าไปแถวๆ ฝั่งธนบุรี เพราะอยู่แต่ฝั่งพระนครมาทุกคืนแล้ว เลยอยากเปลี่ยนเส้นทางบ้าง พวกผมขับรถกันมาเรื่อยๆ ดูเวลาก็เที่ยงคืนเศษๆ ไม่พบเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุอะไร เลยตกลงกันว่าอีกสักพักถ้าหากไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็จะขับรถกลับศูนย์ รอฟังแจ้งเหตุทางวิทยุดีกว่าขืนขับรถไปทั้งคืนอย่างนี้คงไม่ไหวแน่ ขับมาถึงแยกโพธิ์สามต้น ตั้งใจว่าจะเลี้ยวรถกลับก็พอดีมีวิทยุแจ้งเหตุมาว่า มีคนพบศพลอยมาติดตอม่อสะพานข้ามคลองบางกอกน้อย พอได้ยินดังนั้น จึงรีบขับรถไปทันทีเพราะจุดที่พบศพนั้นอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกผมอยู่ เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุก็เห็นว่า มีคนยืนมุงดูเต็มไปหมดและมีตำรวจที่รับผิดชอบในท้องที่นั้นยืนอยู่ 3 นาย

พวกผมจึงลงไปสอบถามรายละเอียดก็ทราบแต่เพียงว่า ผู้ตายเป็นผู้หญิงยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เจ้าโจ้กับเจ้าอ้วนจึงลงน้ำไปกู้ศพ ส่วนผมกับเจ้าเอได้ปูผ้าขาวรออยู่บนบกแล้ว เมื่อนำศพขึ้นมาตรวจดูในตัวก็ไม่พบหลักฐานว่าเป็นใคร เพราะไม่พบกระเป๋าสตางค์หรือบัตรที่สามารถจะบอกข้อมูลของผู้ตายได้บ้างเลย จะมีก็แต่แหวนทองที่นิ้วนางข้างซ้ายของศพที่ยังคงสวมอยู่ รูปพรรณสัณฐานที่พอจะบ่งบอกได้คือ ผู้ตายอายุประมาณ 23-24 ปี ผิวขาว หน้าตาดี ตามร่างกายไม่พบบาดแผล มีก็เพียงแต่รอยช้ำที่หัวคิ้วด้านขวา จึงต้องนำศพไปให้แพทย์ชันสูตรหาสาเหตุการตาย

ทางตำรวจจึงถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน แล้วจึงให้พวกผมนำศพไปโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ชันสูตรตามขั้นตอน และตามหาญาติของผู้ตายต่อไป กว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็ปาเข้าไปเป็นเวลาตี 2 กว่า พวกผมจึงตกลงกันว่าคืนนี้จะพากันไปนอนค้างกันที่บ้านของโจ้เพราะบ้านมันอยู่ใกล้ที่สุด แล้วพรุ่งนี้ค่อยขับรถเข้าศูนย์กัน ระหว่างทางที่ไปบ้านเจ้าโจ้ พอดีมีร้านข้าวต้มโต้รุ่งเปิดขายอยู่ริมทางฝั่งตรงข้าม เจ้าโจ้จึงจอดรถบอกพวกผมว่าแวะกินข้าวกันเลยก็แล้วกัน เผื่อว่าที่บ้านมันไม่มีอะไรกิน เพราะนี่มันก็ดึกมากแล้วพอลงจากรถพวกผมจึงพากันเดินข้ามถนนเข้าไปในร้าน (รถจอดฝั่งตรงกันข้ามกับร้าน) จัดแจงหาที่นั่งกันเรียบร้อย

เด็กเสิร์ฟก็นำแก้วมาวาง 5 ใบ น้ำแข็งอีก 1 กระบอก พวกผมจึงสั่งกับข้าวไป 3-4 อย่างพร้อมข้าวต้มและน้ำโพลาลิส 2 ขวด กับข้าว 4 อย่าง ข้าวต้มอีก 5 ถ้วย ผมแปลกใจว่า ทำไมถึงยกข้าวต้มมาให้ถึง 5 ถ้วย ทั้งๆ ที่พวกผมมากันแค่ 4 คน แต่อีกใจก็คิดว่า คนขายอาจจะเผื่อไว้หากใครไม่อิ่มก็หยิบไปกินต่อได้เลย จะได้ไม่ต้องรอให้เสียอารมณ์

สักครู่ใหญ่ๆ พอพวกผมกินอิ่มกันแล้วเจ้าโจ้จึงเรียกคิดเงิน ขณะที่เด็กเสิร์ฟยืนรอเงินอยู่นั้น เขาได้หันมาถามผมว่า... "พี่ นั่นแฟนพี่เหรอ ทำไมพี่ไม่เรียกมากินข้าวด้วยกันละ ตัวเปียกก็เข้ามานั่งในร้านได้ไม่เป็นอะไรหรอก ยืนอยู่ได้ยังไงคนเดียว มืดก็มืด ยุงก็เยอะ" พวกผมได้ยินจึงหันไปมองก็ไม่เห็นมีใคร ผมเลยบอกเขาไปว่าพวกผมมากันแค่ 4 คนเท่านั้น แต่เขาก็ยืนยันว่า มีผู้หญิงตัวเปียกเหมือนไปตกน้ำที่ไหนมายืนอยู่ท้ายรถพวกผม ผมจึงรู้ทันทีว่า...วิญญาณของผู้หญิงคนนั้นตามพวกผมมาด้วยแน่ๆ พอจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว พวกผมจึงขับรถย้อนไปโรงพยาบาลที่ได้นำศพไปส่งกันไว้อีกครั้ง เมื่อไปถึงจึงจอดรถจัดแจงเปิดท้ายกระบะพร้อมกับพูดขึ้นว่า...

"คุณรออยู่ที่นี่นะไม่ต้องตามพวกผมไปหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ญาติๆ ของคุณก็คงจะมารับแล้วละ ไม่ต้องเสียใจนะ พวกผมช่วยคุณได้แค่นี้นะ" พูดจบ พวกผมจึงขึ้นรถขับมุ่งหน้าไปบ้านเจ้าโจ้ โดยที่ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ผิดปกติเกิดขึ้นอีกเลย

CR นิตยสารเรื่องผีและวิญญาณ เรื่องโดย : มนต์ เมืองสมุทร

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ