ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ชุดแต่งงาน...หลอนสิบกะโหลกแต่ดันดราม่าตอนจบ


เรื่องนี้เกิดขึ้นร้าน Wedding แถวลาดพร้าว ย้อนกลับไปประมาณ 9 เดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องของรุ่นพี่คุณน้ำเล่าให้ฟัง ชื่อว่าพี่ใหม่ เรื่องก็มีอยู่ว่า คือ ตอนนั้น พี่ใหม่ทำงานเป็นผู้ช่วยอยู่ที่ร้าน Wedding วันนั้นพี่ใหม่ก็จัดโปรโมชั่น ขายแพคเกจอยู่ที่ร้านค้าเพื่อไปออกบู๊ทที่ห้างแถวลาดพร้าว ก็มีลูกค้าผู้หญิงท่านนึงเข้ามา (พี่ใหม่จะเรียกว่าลูกค้าท่านนี้ว่าคุณลูกค้าตลอดเลยไม่ทราบว่าผู้หญิงคนนี้ชื่อว่าอะไร)  คือคุณลูกค้าท่านนี้จะซื้อแพคเกจและสนใจแพคเกจของทางร้าน ซึ่งพี่ใหม่ก็แนะนำว่าถ้าสนใจ ให้ไปดูรายละเอียดที่ร้านของพี่ใหม่ได้ พี่ใหม่ก็นัดลูกค้าท่านนี้ไปเจอที่ร้าน พออีกวันนึงลูกค้าท่านนี้ก็มาที่ร้านแต่ว่ามาดึกมาก มาตอนที่ร้านปิดแล้ว แต่ลูกค้าบอกว่าตัดสินใจจะซื้อแพคเกจที่ร้าน

หลังจากนั้นพี่ใหม่ก็นัดวันรุ่งขึ้นให้ คุณลูกค้ามาลองชุด เลือกของชำร่วยและการ์ดแต่งงาน  แต่ที่แปลกก็คือ เวลาที่คุณลูกค้ามาที่ร้านจะเดินทางมาคนเดียวตลอด และไม่เคยพูดถึงบุคคลอื่น มาคนเดียว ซื้อคนเดียว เพราะปกติ คนจะแต่งงานจะต้องถามแฟนก่อนมั๊ยว่าชอบมั๊ย เอาแบบนี้มั๊ย แต่ตอนนั้น พี่ใหม่ก็เข้าใจว่าอาจจะด้วยภาระกิจของอีกฝ่ายนึง และจะเป็นเรื่องที่น่าเกียจมาก ถ้าถามลูกค้าว่าอีกฝ่ายนึงทำไมถึงไม่มา เพราะแต่ละคนอาจจะมีเหตุจำเป็น พี่ใหม่ก็เลยจะไม่ถาม และก็คิดว่าอีกวันนึงเจ้าบ่าวก็คงจะเดินทางมาด้วย เพราะเป็นวันที่จะต้องเลือกชุด  การเลือกชุดนั้นก็จะมีชุดที่ใส่ตอนเช้า กับชุดที่ใส่ตอนกินเลี้ยง อย่างละ 2 ชุด ของทั้งเจ้าสาวและเจ้าบ่าว

พอวันที่นัดเวลาประมาณ 5 โมงเย็น คุณลูกค้ามา แต่ก็มาคนเดียวเหมือนเดิม คุณลูกค้าก็ขึ้นไปลองชุด หลังจากลองไปซักพัก พี่ใหม่ถามว่า คุณลูกค้าไม่ทราบว่าเจ้าบ่าวสะดวกวันไหนคะ พอดีว่าจะได้ตัดชุดทันวันที่คุณลูกค้าใส่ไปถ่ายรูปอ่ะค่ะ คุณลูกค้าก็ตอบกลับมาว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวเขาจะเลือกชุดไว้เอง พี่ใหม่ก็พาคุณลูกค้าไปเลือกชุดเจ้าบ่าว คุณลูกค้าก็เลือกไว้ 2 ชุด แล้วก็มาเลือกรายละเอียดเกี่ยวกับของชำร่วย และก็การ์ดแต่งงานคุณลูกค้าก็ระบุไว้เลยว่า ที่ไหนเวลาไหน วันไหน คือเขาจัดการทั้งหมดคนเดียว พี่ใหม่ก็ถามว่า จะถามเจ้าบ่าวอีกทีมั๊ยว่าจะสะดวกมาถ่ายรูปมั๊ย เพราะว่าคุณลูกค้าท่านนี้เร่งให้ถ่ายรูปเร็วที่สุด จริงๆในแพคเกจจะต้องถ่ายที่สตูดิโอที่ร้าน แต่คุณลูกค้าขอให้ไปถ่ายนอกสถานที่ คือเป็นบ้านของคุณลูกค้าท่านนี้ พี่ใหม่ก็เลยถามว่าเจ้าบ่าวสะดวกวันไหนคะ จะได้เตรียมชุดเตรียมอะไรไป คุณลูกค้าก็บอกว่า

เดี๋ยวจะโทรมานัดเอง ไม่ต้องโทรมาถามเขาว่าไปส่งที่ไหน พี่ใหม่ก็ไม่กล้าถามเก็บความสงสัยไว้ ไม่ถามดีกว่า คุณลูกค้าก็พูดดักไว้แล้ว หลังจากที่ส่งลูกค้ากลับแล้ว พี่ใหม่ก็กลับมาคุยกับผู้จัดการร้านว่า พี่ว่าแปลกมั๊ย ทำไมมาเลือกชุดแต่งงานก็มาคนเดียว รู้ใจสามีขนาดนั้นเลยหรอ หรือเป็นอะไรรึป่าวแต่พอถึงเวลาก็ไม่มีใครกล้าถาม เพราะว่าคุณลูกค้าเป็นคนที่ไม่คุยเล่น แม้กระทั่งเวลาลองชุดเขาก็ไม่ถ่ายรูปเก็บไว้  คือลองชุดใส่ได้ โอเคจบ ไม่มีการมาถามว่าสวยมั๊ย เหมาะมั๊ย ไม่มีเลย พี่ใหม่บอกว่าเป็นลูกค้ารายแรกเลยที่ทำงานด้วย แบบไม่เลือกมาก ไม่เรื่องเยอะ จะเวลาประมาณ 3 ทุ่มของวันนั้น คุณลูกค้าก็โทรมาคอนเฟิร์มเรื่องของชำร่วยและการ์ดเป็นสีนั้นสีนี้แบบนั้นแบบนี้ ส่งให้ที่นี่นะ แล้วคุณลูกค้าก็บอกอีกว่า เรื่องชุดแต่งงาน ไม่เอาชุดเช้าไม่เอาแล้วนะ ขอชุดกินเลี้ยงชุดเดียวทั้งของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ขอแค่ว่าทำพิเศษขึ้นมาให้หน่อยได้มั๊ย คือให้เอาดอกกุหลาบสดมาติดที่ชุดเขาด้วย ขอเป็นกุหลาบสดไม่เอากุหลาบปลอมในวันพรุ่งนี้ที่จะถ่ายรูป พี่ใหม่ก็เลยบอกคุณลูกค้าไป ถ้าไปถ่ายนอกสถานที่กลัวกุหลาบจะเหี่ยวมั๊ย มันจะเซตตัวได้นานมั๊ย คุณลูกค้าก็บอกไม่เป็นไร เขาอยากได้แบบนี้ อยากได้ดอกกุหลาบที่เป็นของจริง พี่ใหม่ก็เห็นว่าเป็นลูกค้าที่ไม่ได้เรื่องมาก ก็เลยโอเคทำตามที่ลูกค้าต้องการ หลังจากนั้นพี่ใหม่ก็ไปหาซื้อดอกกุหลาบมา

พอถึงวันที่จะไปส่ง ช่วงเช้าก็นัดกับตากล้อง และโทรคอนเฟิร์มกับลูกค้าว่ากำลังจะเดินทางไปถึงในอีก 15 นาที แต่พอไปถึง คุณลูกค้าโทรบอกว่าชุดที่สั่งให้ทำให้แขวนไว้ที่ประตูหน้าบ้านและยกเลิกกองที่จะถ่ายรูป Wedding หมดเลย  ไม่ต้องถ่ายแล้ว เดี๋ยวเขาจะจัดการเอง คือคำพูดของคุณลูกค้าเป็นผู้ใหญ่ เขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะจัดการเองและก็บอกให้แขวนชุดแต่งงานไว้ที่ประตูรั้วหน้าบ้านกับชุดเจ้าบ่าวแล้วก็กลับไปได้เลย ไม่ต้องรอเค้ามาเอาเดี๋ยวจะมีแม่บ้านไปรับ พี่ใหม่ก็เลยบอกลูกค้าให้รีบมาเอา เพราะว่าชุดเขาฉีดตัวเซตดอกไม้ไว้ได้ไม่นาน ไม่งั้นเดี่ยวดอกไม้ที่คุณลูกค้าสั่งไว้จะเหี่ยว คุณลูกค้าก็บอกไม่ต้องกังวล เดี๋ยวจะให้คนไปรับแล้วก็กลับไปได้เลย แล้วพรุ่งนี้เช้าสั่งไว้ว่าให้มารับชุดแล้วก็เอาของชำร่วยและการ์ดมาด้วยเลย พี่ใหม่ก็งง กลับมาที่ร้าน แล้วเขาจ่ายตังค่าแพคเกจเกือบๆ 5 หมื่นแล้ว แคนเซิลออกไปเยอะ ขอแค่ 3 อย่าง คือแค่ชุดแต่งงาน การ์ดและของชำร่วย นอกนั้นไม่เอาอะไรเลย  ช่วงกลางคืน พี่ใหม่ก็เข้าไปแพ็คของชำร่วยที่จะต้องไปส่งให้ลูกค้าวันพรุ่งนี้  ระหว่างที่นั่งแพ็คของอยู่

ก็มีน้องอีกคนเดินเข้ามาบอกว่าพี่ใหม่นั่งแพ็คของหรอคะ เดี่ยวหนูช่วย ซักพักน้องคนนี้ก็เดินเข้าไปข้างหลังร้าน และก็เดินออกมาบอกพี่ใหม่ว่า ยังมีลูกค้าอยู่หรอคะ หนูเข้าไปปิดไฟ เห็นลูกค้ากำลังลองชุดอยู่ พี่ใหม่ก็ตกใจ และก็ตอบไปว่าไม่น่าใช่นะ ร้านปิดตั้งแต่ทุ่มนึงแล้ว น้องคนนั้นก็ยืนยันว่าเห็นลูกค้าคนนึงกำลังลองชุดอยู่ในห้องลองชุด พี่ใหม่ลองเข้าไปดูสิ พี่ใหม่ก็อธิบายให้ฟังว่าห้องลองชุดที่ร้านค่อนข้างใหญ่ ด้านหลังจะเป็นชุดแต่งงานแขวนเรียงเอาไว้ให้ลูกค้าไว้ลองและก็มีกระจกทั้งห้องเลย พี่ใหม่ก็เดินไปยังไม่ทันถึงห้อง ก็ได้กลิ่นดอกไม้มาแล้ว กลิ่นดอกกุหลาบที่อัดน้ำยาที่เซตที่ทำไว้ให้ลูกค้า และก็ค่อยๆเดินเข้าไปที่ห้อง ในห้องก็จะเปิดไฟดาวไลท์ที่ห้อง 2 ดวง

พอเข้าไปในห้อง ก็เห็นคุณลูกค้าท่านนี้ที่ไปส่งชุดเมือเช้า กำลังลองชุดอยู่ เพราะพี่ใหม่จำได้ เขาจำชายกระโปรง จำกลิ่นได้หมดเลย เพราะพี่ใหม่เป็นคนทำเอง ณ อารมณ์นั้นพี่ใหม่ตกใจก่อนยังไม่นึกว่าอะไร อาจจะเข้ามาตอนที่พี่ใหม่ไม่อยู่ก็ได้ แต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆ เอื้อมมือจะเข้าทักคุณลูกค้าท่านนี้ ก็คือเห็นลูกค้าจริง แต่ว่าไม่เห็นเงาลูกค้าในกระจก มีเงาพี่ใหม่คนเดียว พี่ใหม่หงายล้มลงไปเลย จนน้องที่มาบอกพี่ใหม่ทีแรก ได้ยินเสียงแล้ววิ่งเข้ามา พี่ใหม่เป็นไรๆ แล้วน้องก็พาออกไปข้างนอกและโทรตามผู้จัดการร้านมากันหมด ตอนนั้นน้องเขาก็ไม่รู้อะไร ก็ถามพี่ใหม่ว่าแล้วลูกค้าคนนั้นหายไปไหนแล้วหละ เขาออกทางไหน เขาออกหลังร้านแล้วหรอ พี่ใหม่ก็บอกว่าหนูขอลาออก ผู้จัดการร้านบอกใหม่เป็นไร ใจเย็นๆก่อน พี่ใหม่ก็คุยไปร้องให้ไป แต่เหมือนไม่มีใครเชื่อพี่ใหม่ ผู้จัดการร้านก็บอกพี่ใหม่ว่า ถ้าใหม่ไม่สบายใจ เดี๋ยวพี่จะดำเนินเรื่องต่อเอง ใหม่อยู่ก่อน รอฟังคำตอบก่อน มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่ใหม่คิด

จนตอนเช้าพี่ใหม่ก็ไม่ได้ไปด้วย ผุ้จัดการร้านก็โทรไปบอกว่ากำลังจะเอาการ์ดและของชำร่วยไปส่ง โทรเข้าไปที่เบอร์มือถือคุณลูกค้าไม่มีคนรับ ก็เลยโทรไปที่เบอร์บ้านแทน ก็มีคุณแม่ของคุณลูกค้า คุณแม่ก็บอกว่า หนูเดี๋ยวค่อยมาส่งของช่วงเย็นได้มั๊ย พอดีที่บ้านกำลังมีงาน เดี๋ยวค่อยมาส่งช่วงเย็นน๊าา ไม่สะดวกรับแขกจริงๆ ผู้จัดการร้านก็โล่งใจ แล้วบอกพี่ใหม่ว่า นั่นไง เขากำลังจัดงานกัน ที่ใหม่เห็นอาจจะตาฝาด พี่ใหม่ก็สวนกลับมาเลยว่า พี่ตลกป่ะ ของชำร่วยยังอยู่ การ์ดยังอยู่ ผู้จัดการร้านก็เงียบ เออหวะ ของชำร่วยกับการ์ดอยู่นี่ แล้วเขาจัดงานไรวะ ผู้จัดการร้านก็บอกเขานัดตอนเย็นนี้ไปส่งของเดี๋ยวไปด้วยกัน เขานัด 5 โมงเย็น พี่ใหม่กับผู้จัดการร้านก็ไปตอน 5 โมงตามที่นัดและก็รออีกประมาณครึ่งชั่วโมง รถคุณแม่ของคุณลูกค้าก็มาจอดหน้าบ้าน พี่ใหม่ก็เลยบอกว่าเอาของชำร่วยและเอาการ์ดมาส่งให้คุณลูกค้าท่านนี้คุณแม่ก็ถามว่าน้องเขาสั่งไว้ใช่มั๊ย

ผู้จัดการร้านก็ถามว่าเป็นไงบ้างคะ ถ่ายรูปเสร็จรึยัง คุณแม่ก็ถามว่านัดคืนชุดวันนี้หรอ แม่ไม่สะดวกคืนชุดวันนี้นะ พี่ผู้จัดการร้านก็บอกไม่เป็นไรค่ะ ยังไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร คุณแม่ก็บอกว่า เดี๋ยวของแม่จะเอาไปที่วัด และก็ถามว่าชุดแต่งงานแพงมั๊ยผู้จัดการร้านก็ถามมีอะไรมั๊ย ทำขาดหรืออะไรรึป่าว เดี๋ยวจะมาคิดตามราคาความเป็นจริง ลูกค้าไม่ต้องซื้อทั้งชุด คุณแม่ก็บอกว่า คงคืนให้ไม่ได้ เพราะน้องเขาใส่ไปอยู่ ตอนนี้น้องเขาอยู่ที่สถาบันนิติเวช น้องเขาผูกคอตายตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แล้วทางตำรวจและสถาบันยังไม่คืนชุดแม่ไม่รู้จะเอาชุดคืนหนูได้ยังไง แม่จำเป็นจะต้องซื้อชุดนั้นต่อ แต่ว่าชุดเจ้าบ่าวเขาไม่ได้ใส่ และแม่ก็ขอโทษด้วยที่ไม่ได้รับสายตอนเช้าที่ไม่ให้หนูมา เพราะว่ากำลังเคลื่อนย้ายศพไปโรงพยาบาล

สุดท้ายพี่ใหม่และผู้จัดการร้านก็ไปศพเขา ของชำร่วยก็มาเป็นของชำร่วยในงานศพ การ์ด คุณแม่ก็เก็บไว้  แต่ว่าสถานที่เป็นสถานที่เดียวกันที่จะจัดงานแต่งงาน  ส่วนสาเหตุที่ทำให้คุณลูกค้าผูกคอตายก็เพราะว่า คุณลูกค้าเรียนจบมา แล้วแฟนเป็นอาจารย์อยู่ที่มหาลัยแล้วรับปากว่าจะแต่งงานให้เขาเรียนจบก่อน จนทำงาน วุฒิภาวะพอที่จะแต่งงานแล้ว เกือบๆ 9 ปี แต่ก็ไม่มาแต่งงานกับเขาซักที จนมารู้ตอนหลังว่า ผู้ชายคนนี้แต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว...เศร้ามากครับ เรื่องนี้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ