ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

“เธออยู่บนช่องเพดาน” (หลอนโคตร)


เรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ กับเราและเพื่อนๆ ค่ะ โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดเลย เรื่องมีอยู่ว่าวันหนึ่งมีนโยบายโรงเรียนที่ว่า จะรื้อห้องน้ำชาย-หญิงใต้อาคาร แล้วจะสร้างเป็นห้องพักครูแทน ส่วนห้องพักครูเก่า (ที่อยู่ข้างห้องเรียนเรา) ก็จะทำเป็นห้องวิทยาศาสตร์

การดำเนินการตามนโยบายของทางโรงเรียนเป็นไปได้ด้วยดี ห้องพักครูเก่าที่ตอนนี้ยังไม่ได้ขนข้าวของมาก็ยังมีโต๊ะของคุณครู เศษกระดาษ เอกสารอื่นๆ มากมาย อยู่ดีๆ พวกเพื่อนมันก็คิดยังไงไม่รู้ เอากล้องไปถ่ายรูปห้องพักครูเก่า แล้วตั้งเหตุการณ์เป็นรายการล่าท้าผีเข้าไปในห้องนั้น ในกลุ่มนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งขวัญอ่อนมากเดินเข้าไป เพื่อนคนนั้นสังเกตเห็นช่องเพดานที่เปิดอยู่ อยู่ดีๆ เพื่อนคนนั้นก็กรี๊ดออกมา จนเพื่อนคนอื่นที่สาละวนกับการถ่ายรูปถึงกับรีบวิ่งมาดู เพื่อนคนนั้นบอกว่า เห็นผู้หญิงผมยาวก้มหน้าลงมา ผมก็ย้อยลงมาด้วย!!!! หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปในห้องนั้นอีกเลยถ้าไม่จำเป็น

แต่มันยังไม่จบเพียงแค่นั้น วันแห่งการเปิดห้องวิทยาศาสตร์ใกล้เข้ามาแล้ว ครูก็บอกให้เพื่อนๆ กลุ่มหนึ่งเข้าไปทำความสะอาด ยกโต๊ะเก้าอี้ช่วยคุณครู แต่ครั้งนี้เพื่อนเราที่ไปช่วยเจอแรงมาก มันเล่าว่าระหว่างช่วยอาจารย์เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ผมยาวถึงไหล่ ใส่ชดยุวกาชาด แต่ที่เด็ดกว่านั้น คือ เด็กผู้หญิงที่เธอเห็น “ไม่มีหน้า” !!!! เราอยากจะบอกว่ามีคนเจอเหตุการณ์แบบนี้หลายคนมาก หลายคนพูดตรงกันบางครั้งก็เห็นเป็นใส่ชุดยุวกาชาด บางครั้งก็เป็นชุดนักเรียน (แต่ไม่ปักชื่อ) นั่งเพดานบ้าง นั่งไขว่ห้างที่หน้าต่างบ้าง และอีกสารพันความหลอนของเธอ

จนเริ่มมีคำถามหลายอย่างตามมาว่า…

1.เธอเป็นใคร ?

2.เธอเป็นอะไรตาย ?

3.หากห้องพักครูเก่าไม่มีอะไรจริงๆ แล้วทำไมคุณครูถึงต้องย้ายไปข้างล่าง ?

4.เธอต้องการอะไร ? ทำไมไม่ไปเกิดใหม่ ?

ตอนนี้คำถาม 4 ข้อนี้วนเวียนอยู่ในหัวของนักเรียนหลายคนที่ได้ไปพบเจอกับเด็กผู้หญิงคนนั้น โดยเฉพาะเรากับเพื่อนๆ จนอยู่มาวันนึงมีเพื่อนห้องอื่นมาขอใช้ ว่าที่ห้องวิทยาศาสตร์เป็นห้องซ้อมในการแข่งขันสวดมนต์แปล ในขณะที่ซ้อมอยู่นั้น จู่ๆ เพื่อนคนหนึ่งก็ร้องไห้ ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว ทำให้การฝึกซ้อมหยุดชะงัก เรากับเพื่อน เห็นเลยมาดู หลังจากเพื่อนคนนั้นตั้งสติได้แล้วก็เล่าให้คนที่อยู่ตรงนั้นฟังว่า ตอนสวดมนต์ได้ยินเสียงคนร้องไห้อยู่ข้างหลังตัวเอง ไม่กล้าหันไปดู เลยสั่นแล้วอยู่ดีๆก็ร้องไห้ออกมา

เชื่อไหมว่า ระหว่างที่เล่าทันใดนั้นเอง ประตูห้องวิทย์ฯ อีกข้างหนึ่งก็ปิดเข้ามาอย่างแรง โดยขอบอกว่าที่ตรงนั้นไม่มีลมเลย คนทั้งหมดในห้องนั้นรีบวิ่งออกมาพร้อมร้องเสียงหลง หลังจากนั้น ห้องนั้นจึงได้ชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ห้องผีสิง”

ห้องนั้นปิดไม่ให้ใช้การอยู่พักใหญ่ๆ ครูบอกว่าห้ามไปยุ่งกับห้องนั้นอีกเป็นอันขาด จนกว่าห้องวิทย์จะเปิดสอนอย่างเป็นทางการ แลัะแม้ว่าห้องวิทย์จะถูกปิดไม่ให้ใครไปยุ่งเกี่ยวก็ตามที แต่วิญญาณของเด็กสาวไม่มีหน้าก็ยังมาปรากฎตัวให้เห็นอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นนั่งบนล๊อกเกอร์บ้างล่ะ นั่งคุกเข่าอยู่หน้าห้องบ้างล่ะ แต่ 4 คำถามปริศนาที่พวกเรายังเป็นที่น่าสงสัยต่อไป ไม่มีใครคลายได้ จนกระทั่งชั่วโมงภาษาอังกฤษ จะเรียกว่าบังเอิญก็ได้ ที่อยู่ๆ ครูก็สอนเกี่ยวกับห้องในโรงเรียน แถมยังเล่าว่า ในสมัยก่อนอาคารของเราเป็นเพียงสนามหญ้าว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยจนกระทั่งมีข่าว….. ข่าวที่ว่านั้นเป็นยังไงอาจารย์ก็ยังไม่ได้เล่า พอไปถามก็บอกว่าไม่มีอะไร ???

ตอนนี้พวกเรามั่นใจมาก ว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ตรงนั้น และต้องเกี่ยวข้องกับเด็กผู้หญิงไม่มีหน้าคนนั้นด้วย แต่ไปถามครูในโรงเรียนก็ไม่มีเล่าเลย พวกเราก็ได้แต่เล่าต่อๆ กัน และถามจากปากรุ่นพี่ๆ ที่จบไปแล้ว แต่เดาได้เลยว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ T T



ลาเต้ลิขิต : ส่งเรื่องลี้ลับในสถาบันของคุณมาได้ที่ latae@dek-d.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ