ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

"ศิษย์อาจารย์ใหญ่" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณผู้ห่วงใย


ดิฉันมีอาชีพรับราชการ เป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออก งานในหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลประจำ คืองานสอนวิชากายวิภาคศาสตร์ ทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ วิชานี้ว่าด้วยการศึกษาร่างกายของมนุษย์ทุกๆ ระบบในร่างกาย โดยภาคปฏิบัติได้เรียนกับผู้อุทิศร่างกายที่เราเรียกว่า "อาจารย์ใหญ่"

พวกเราทุกคนที่ทำงานด้านนี้ด้วยความรักและศรัทธาต่อวิชาชีพ และเคารพนับถือต่ออาจารย์ใหญ่ทุกๆ ท่านที่ได้ร่วมบริจาคร่างกายให้เป็นวิทยาทานต่อลูกหลานผู้ศึกษาทางด้านการแพทย์ของไทยทุกๆ คน
โดยธรรมชาติแล้วไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า กลัวกับสิ่งที่ไม่เห็นมากกว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้า! สำหรับดิฉันไม่ลบหลู่หรือท้าทายใดๆ ศรัทธาเท่านั้นที่ทำให้ดิฉันยังปฏิบัติหน้าที่อย่างมีความสุขที่ได้ทำมาจนทุกวันนี้ ถึงแม้ความเสี่ยงที่ได้รับจากการที่ต้องอยู่ในห้องเรียนจะมีผลต่อสุขภาพของผู้สอนเช่นดิฉัน มากกว่านักศึกษาเสียอีกค่ะ

ในแต่ละปี ดิฉันจะได้ข่าวการเสียชีวิตของผู้ที่ร่วมอุดมการณ์ สอนในวิชาเดียวกันเสียชีวิตจากการเป็นโรคมะเร็งเกือบทุกๆ ปี ดิฉันเองก็คงไม่พ้นเหมือนกัน! ตึกเรียนที่ดิฉันทำงานเป็นอาคารอายุสิบปีเศษ ห้องเรียนปฏิบัติการกายวิภาคศาสตร์จะถูกจัดให้อยู่บนสุดของอาคาร คือชั้น 6 เป็นห้องโถงยาวตลอด กินเนื้อที่เกือบครึ่งหนึ่งของชั้นนั้น ประกอบด้วยห้องเรียน ห้องดองอาจารย์ใหญ่และห้องเตรียมสารเคมี

ดิฉันมาทำงานแต่เช้าและกลับบ้านดึกๆ เป็นประจำจนชินแล้วค่ะ ถ้าไม่มีวิชาสอนหรือติดภารกิจที่ไหน ดิฉันจะใช้เวลาอยู่ที่ห้องเรียน อาจารย์ใหญ่เป็นส่วนใหญ่ ต้องมาเตรียมผ่าและชำแหละร่าง อาจารย์ใหญ่ เพื่อใช้สอนนักศึกษาสาขาอื่นๆ ที่ไม่ใช่นักศึกษาแพทย์ เพื่อใช้ประกอบการเรียนวิชานี้

ห้องเรียนด้านนอกอาคารด้านหนึ่งจะติดทะเล มองเห็นผืนอ่าวสีฟ้าสวยงาม สายลมพัดมาเย็นสบาย เวลาเรียนนักศึกษาจะได้ไม่เครียดนักเพราะมีวิวสวยๆ ให้ดู บรรเทาอาการเบื่อเรียนได้บ้าง ดิฉันมักอยู่คนเดียวค่ะเพราะเพื่อนร่วมงานมีเวลาไม่ค่อยตรงกัน ใครว่างก็มาทำต่อ...เรื่องขนหัวลุกเริ่มต้นจากตรงนี้เอง!
นั่นคือ ดิฉันจะได้รับการทักทายจากสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่บ่อยครั้ง ทั้งๆที่ยังเช้าอยู่แท้ๆ โดยเริ่มจากกลิ่นอับๆ ตามติดด้วยเสียงโลหะกระทบเตียงที่ อาจารย์ใหญ่อยู่...เสียงนั่นมันทำให้ดิฉันมือสั่นนิดๆ แม้จะไม่ดังนักก็ตาม จนดิฉันต้องหลุดปากออกไปว่า

"อาจารย์ใหญ่ขา กรุณาอย่าทำเสียงดังนะคะ หนูทำงานไม่ได้ค่ะ!" สิ้นเสียงทุกอย่างเงียบสนิท ได้ยินแค่เสียงลมพัดเข้ามาในห้องเท่านั้น กลิ่นก็จางลงไปมาก...ดิฉันกลืนน้ำลายติดๆ กัน ระบายลมหายใจยืดยาวอย่างโล่งอก นอกจากร่างอาจารย์ใหญ่แล้ว นักศึกษาที่เรียนวิชานี้ต้องเรียนจากโครงกระดูกมนุษย์จริงๆ ประกอบด้วย ดิฉันไม่ค่อยสนับสนุนให้เรียนจากหุ่นจำลองโครงกระดูกพลาสติกที่เราสั่งซื้อมาจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาแพงมากๆ ค่ะ งบประมาณที่ได้ก็ไม่ค่อยพอ เรื่องความสวยงามและการแสดงรายละเอียด ไม่สามารถเทียบได้กับโครงกระดูกมนุษย์จริงๆ ซึ่งค่อนข้างหายากในปัจจุบัน

เมื่อต้นปี ดิฉันได้ติดต่อไปยังมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ เพื่อขออนุเคราะห์โครงกระดูกมนุษย์ ครั้นได้รับคำตอบตกลงมา ดิฉันจึงเดินทางไปพร้อมเพื่อนและคนขับรถตู้รวม 4 คน เพื่อไปรับอาจารย์ลงมาอยู่กับพวกเรา...มาเที่ยวทะเลค่ะ เราออกเดินทางแต่เช้ามืดเพื่อหให้ถึงที่หมายก่อนค่ำ กระทั่งเข้าเขตลำปางได้ถูกตำรวจทางหลวงเรียกให้หยุด บอกว่าคนขับรถของมหาวิทยาลัยขับเร็วกว่ากำหนด แต่ดิฉันมั่นใจได้เลยว่ารถของเราไม่เร็วมากถึงขนาดที่ตำรวจบอก

ตำรวจคนนี้คงไม่อยากแจกใบสั่งเท่าไหร่ แต่อยากรับบางอย่างมากกว่า ! พวกเราแสดงบัตรข้าราชการว่ากำลังจะไปไหน ไม่อยากถึงจุดหมายมืดค่ำและยืนยันว่าคนขับรถไม่ได้ขับเร็วดังที่ถูกกล่าวหา เชื่อไหมคะ ตำรวจนายนั้นกำลังหันหน้าอ้าปากจะโต้เถียงดิฉันซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังก็กลับอ้าปากค้าง ตาเบิกโพลง ฉายแววสยดสยองจนเห็นได้ชัด รีบโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณให้รีบไป โดยไม่ได้พูดจาอะไรเลยแม้แต่คำเดียว!

ดิฉันก็งงเหมือนกัน แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก คาดเดาไปว่าคุณตำรวจคงเห็นว่า ไม่ได้ประโยชน์จากพวกเราแน่ๆ เพื่อนๆ คุยกันว่า แปลก...ตำรวจไม่ได้สบตาเราด้วยซ้ำ แต่คงเห็นอะไรบางอย่างข้างหลังเรามากกว่า เพราะหน้าตาซีดเซียว แถมผงะแบบคนตกใจสุดขีด เมื่อถึงปลายทางก็ได้พักค้างหนึ่งคืน ตอนเช้าดิฉันเข้าไปติดต่อเรื่องเอกสารปล่อยให้คนขับรถและผู้ช่วยขนกล่องโครงกระดูกมนุษย์ขึ้นรถตู้ เมื่อดิฉันกลับมาก็เห็นคนขับและผู้ช่วยยืนหน้าซีดเผือดอยู่นอกรถ ไม่ยอมขึ้นไปนั่งรอเปิดแอร์เย็นๆ เฉยเลย

คนขับเล่าว่า พอดิฉันและเพื่อนเข้าไปทำธุระในตัวตึกได้สักครู่ แกก็จะเปิดท้ายรถเพื่อเอากล่องเรียงไว้ให้เรียบร้อย ปรากฏว่าเปิดประตูไม่ออก พยายามหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ ทั้งๆ ที่เป็นรถใหม่ ก่อนเดินทางก็ตรวจเช็กสภาพมาอย่างดี ดิฉันจึงถามว่าเอากล่องเข้าไปวางในรถได้ยังไง? คนขับบอกว่าจุดธูปปักไว้ที่สนามหญ้าหน้าอาคารก่อน แล้วเปลี่ยนใจที่จะยกกล่องเข้าทางด้านข้างแทนด้านหลัง แกบอกว่าประตูด้านข้างเปิดออกอย่างง่ายดาย เสร็จแล้วลองไปเปิดประตูท้ายรถอีกครั้ง ปรากฏว่าเปิดได้สบายๆ ทันที

ดิฉันก็หัวเราะพร้อมเพื่อน บอกว่าอาจารย์แค่ทักทายน่ะ! ก็ไม่น่าเอากล่องเข้าประตูท้ายนี่นา อาจารย์อยากนั่งหน้ารถไปเที่ยวทะเลด้วยกัน...จริงไหมคะ?

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คืนบวงสรวง มหาวิทยาลัยพะเยา

เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายเรื่อง หลายวาระ แต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง เสริมจากเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้าง เรื่องที่เพื่อนๆ จะได้อ่านกันต่อไปนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า “เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เราได้รวบรวมมา จากหลายๆ ที่ จะหลอนขนาดไหน ไปสั่นประสาทกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า ที่มอเราจะมี 1 คืนที่ต้องเก็บของสีแดงทุกชิ้นเก็บไว้ให้มิดชิด เพราะเชื่อกันว่า คืนนั้นจะเป็นคืนที่กองทัพของพระนเรศวรออกมาเดินผ่านบริเวณหอใน รุ่นพี่ก็เล่าๆ สู่กันฟังบ้างว่าเคยเจอ บ้างก็ว่าเห็นเป็นกองทัพ บ้างก็ว่าได้ยินแต่เสียงคนเดินหลายๆ คนพอออกมาดูก็ไม่เจออะไร จริงๆแล้วเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเล่าหลอกให้เด็กปี 1 กลัว แต่เมทเราบอกว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เราเลยจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนผ้าปูที่นอน (เพราะเป็นสีแดง) และเก็บกล่องห่อข้าวของเราที่เป็นสีแดงมาจากหลังห้อง พอตะวันตกดินความน่ากลัวมันก็เริ่มขึ้น ปกติแล้วที่หอในจะคึกคักมาก โดยเฉพาะหน้ามินิมาร์ทและลานดาว ที่มักจะมีคู่รักมานั่งคุยกัน มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มานั่งเล่น หรือคนที่ออกมาซื้อข้าวของเครื่อ...

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ...

โรงหนังผีย่านสมุทรปราการ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงภาพยนต์แห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ และเหตุการณ์นี้พึงจะเกิดขึ้นกับคุณโอ๋แบบสดๆร้อนๆ โรงหนังแห่งนี้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว คนจะเยอะมาก แต่ปัจจุบันโรงหนังแห่งนี้ดูเล็กลงไปเยอะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆในปัจจุบัน จนตอนกลางวันแทบนับคนได้เลย แต่ด้วยความที่คุณโอ๋เป็นคนไม่ค่อยได้ดูหนังอยู่แล้ว พอดีคุณโอ๋ไปบ้านเพื่อน แล้วอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดี เพราะเพื่อนเล่าให้ฟัง คุณโอ๋จึงได้เข้าไปซื้อตั๋ว และตั้งใจว่าจะดูก่อนรอบสุดท้าย แต่มันเลยเวลามาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว เลยได้ซื้อตั๋วดูรอบสุดท้ายแทน ประมาณสี่ทุ่ม...คนน้อยมาก คุณโอ๋เลือกนั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห้าเอ ก่อนหนังฉายคุณโอ๋ได้เดินเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำเก่าและน่ากลัวมาก ใหญ่พอสมควรแต่ไม่มีคนเลย คุณโอ๋เลือกเข้าห้องตรงกลาง พอคุณโอ๋เสร็จกิจและเปิดประตูออกมา พอจะหวังที่กำลังเปิดประตู คุณโอ๋ได้ยินเสียงกดชักโครกของห้องข้างๆ ซึ่งตอนที่คุณโอ๋เดินเข้ามา ทุกห้องจะเปิดประตูหมดและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย คุณโอ๋พยายามไม่ใส่ใจ และเดินออกไปซื้อขนม และกลับเข้ามานั่งที่นั่ง มีคนดูน้อยมาก แถวที่คุณโอ๋นั่งจะไม่มีคนนั่งเ...