ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

คนถามทาง-คุณโอภากร


เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณโอภากรครับ คุณโอภากรเล่าว่า.. เกือบจะครบ 4 ปี ที่ผ่านเหตุการณ์นั้นมา แต่เรื่องในวันนั้นไม่เคยเลือนลางไปจากใจผม และครอบครัวเลย.. วันนั้นเป็นวันที่ครอบครัวผมจะกลับบ้านที่จังหวัดน่านครับ ไปกัน 4 คน มีพ่อ แม่ ผม และลูกชายของผม เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลาประมาณ 5 โมงเย็น เพื่อจะได้ไปถึงน่านตอนรุ่งเช้าพอดีครับ.. ผมเป็นคนขับครับ ก็ขับรถเดินทางไปตามปกติ จนเข้าสู่จังหวัดพิษณุโลก ก็ได้แวะปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งเพื่อเติมน้ำมัน และพักรถด้วย หลังจากเติมน้ำมัน และเข้าห้องน้ำกันเรียบร้อย ผมก็ไปจอดรถอยู่ตรงหน้าร้านสะดวกซื้อ เราทั้งหมดก็นั่งพักกันที่โต๊ะหินอ่อนข้างๆ รถ คุยกัน กินขนมกันไป..

ระหว่างนั้นก็มีสามีภรรยาคู่หนึ่งเข้ามาทัก เพื่อจะถามเส้นทางไปน่าน เดาว่าคงเห็นรถเราเป็นป้ายทะเบียนน่านน่ะครับ สามีภรรยาคู่นี้เขาบอกว่าเป็นคนน่านเหมือนกัน เพิ่งจะซื้อรถใหม่ป้ายแดงได้อาทิตย์เดียว กำลังจะกลับไปรับลูกสาวที่บ้านเพราะเป็นช่วงปิดเทอม ขับรถก็ไม่ค่อยจะแข็ง และถึงแม้ว่าจะเคยโดยสารรถบัสเดินทางไป-กลับกรุงเทพฯ บ่อยๆ แต่ก็หลับบนรถตลอด พอต้องมาขับเองก็เลยไม่ชินเส้นทาง.. ผมเลยบอกพวกเขาไปว่า ‘ไปเรื่อยๆ ครับ ตรงอย่างเดียว พอถึงเด่นชัยแล้วค่อยเลี้ยวขวา ทีนี้ก็ยาวเลยครับ ถึงแน่นอน..’ จากนั้นทั้งคู่ก็ขอตัวเดินทางต่อ

หลังจากที่สามีภรรยาคู่นั้นไปแล้ว ผมก็ได้งีบหลับพักสายตาประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วจึงออกเดินทางกันต่อ.. เราเดินทางกันตามปกติโดยพ่อผมนั่งข้างผม เป็นเพื่อนคุยกันจะได้ไม่ง่วง ส่วนแม่ และลูกชายผมหลับอยู่ที่เบาะหลัง.. เวลาประมาณตี 2 ผมขับมาถึงอำเภอเด่นชัย และก็ตามทันรถของสามีภรรยาคู่นั้น ผมกับพ่อจำรถ และทะเบียนเขาได้แม่น เป็นรถกระบะสีดำ ผมก็ขับแซงเขา และบีบแตรทักทายไป ช่วงจังหวะแซงก็ไม่ได้เร็วอะไรมากครับ พ่อผมก็หันไปดู พ่อบอกว่า ดูเขาง่วงรึเปล่า? เหมือนจะตาปรือๆ ส่วนเมียน่าจะเอนเบาะลงนอนอยู่มั้ง.. จนไปต่อเรื่อยๆ พอดีแม่ผมขอให้แวะปั๊มหน่อย เพราะเหมือนจะท้องเสีย ผมจึงต้องแวะเข้าปั๊มแห่งหนึ่งก่อนถึงอำเภอร้องกวางครับ

หลังจากทำธุระเสร็จ ผมก็ได้ยืดเส้นยืดสายล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น แล้วก็ออกเดินทางกันต่อ.. จากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงก็เข้าสู่ร้องกวาง โดยถนนจะแคบลงเหลือ 2 เลนครับ.. ก่อนจะถึงโรงพยาบาลร้องกวางประมาณเกือบ 2 กิโลเมตร ผมเห็นไกลๆ ว่ามีคนยืนกลางถนน เพราะถนนช่วงนั้นจะมีไฟรายทางค่อนข้างสว่าง ผมก็เปิดไฟสูงเพื่อดูชัดๆ และให้พ่อกับแม่ผมช่วยดู และพอใกล้เข้าไปก็เห็นชัดเจนเลย พ่อผมพูดขึ้นมาว่า ‘เอ? เหมือนผัวเมียคู่นั้นเลย ระวังนะลูกชะลอรถนะ เขาโบกไม้โบกมืออยู่กลางถนนเลย..’ ผมเลยเหยียบเบรคเพื่อหยุดรถห่างจากจุดที่เขายืนอยู่กลางถนนประมาณ 30 เมตร ซึ่งจุดที่เขายืนอยู่นั้น ตรงกับประตูทางเข้าโรงพยาบาลร้องกวางพอดี แล้วทั้งคู่ก็วิ่งมาที่รถเราฝั่งประตูข้างพ่อผม ยืนห่างจากรถเราเกือบ 2 เมตรน่าจะได้ ซึ่งก็ชัดเจนว่าเป็นสามีภรรยาคู่นั้นจริงๆ ทุกคนในรถงงกันมากครับว่าเกิดอะไรขึ้น? ทำไมทั้งคู่ถึงมายืนอยู่ตรงนี้?

แล้วพ่อผมก็ลดกระจกลงตะโกนถามทั้งคู่ว่า ‘เป็นอะไรกันรึเปล่า มายืนขวางรถทำไม แล้วรถไปจอดตรงไหนกัน?’ คนที่เป็นสามีก็ถามขึ้นมาว่า ‘คือตรงไปอย่างเดียวใช่ไหม ไม่ต้องเลี้ยวไหนแล้วใช่ไหมครับ?’ พ่อผมคงหงุดหงิดขึ้นมา ที่เขามาขวางรถเพื่อถามแค่นี้ พ่อก็บอก ‘ก็ใช่ไง ตรงยาวเลย อีกแค่ 80 กว่าโลก็เข้าเมืองน่านแล้ว..’ ทันทีที่พ่อผมพูดจบ สามีก็จับแขนภรรยาแล้ววิ่งจากไปทันที.. พวกเราก็อึ้งกันไปพักนึง จนพ่อผมบอกว่าจะขับต่อให้เอง ให้ผมไปนั่งข้างๆ แล้วบทสนทนาระหว่างเดินทางต่อจากนั้น ก็คือคุยกันแต่เรื่องสามีภรรยาคู่นั้นไม่หยุดเลยครับ..

ผ่านไปจนอีกประมาณ 40 กิโลเมตร จะเข้าสู่จังหวัดน่าน รถก็ติดครับ ทั้งที่ก็ดึกมากแล้ว ทางเส้นนั้นจะแคบ และโค้งขึ้นเขาลงเขาเยอะมาก รถก็ค่อยๆ ไหลไปๆ ..และแล้วข้างหน้าครับ สาเหตุของรถติด.. พวกเราก็ได้เห็นภาพที่ต้องจำติดตามาจนถึงทุกวันนี้เลยครับ มีอุบัติเหตุชนประสานงากันแบบยับเยินเลยครับ ระหว่างรถพ่วง 18 ล้อ กับรถกระบะสีดำป้ายแดงที่คุ้นเคย โดยศพสามีภรรยาคู่นั้นยังอัดเละติดคาซากรถอยู่เลย! มันทำให้ผม และครอบครัวช็อคกับเรื่องครั้งนั้นมากจริงๆ พูดถึงแล้วก็ยังขนลุกไม่หาย..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ