ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

แม่ชีหัวขาด


ที่ตึกนอนนักเรียนหญิงกำลังเตรียมตัวนอน บ้างจัดเตียง บ้างพักผ่อนเล็กๆ น้อยๆ อ๋อมซึ่งเพิ่งย้ายมาจากที่อื่นได้ไม่กี่วันนั่งคุยกับต้นข้าวเกี่ยวกับ เรื่องน่ากลัวบางอย่างที่นี่ "บ้าดิ ไม่มีจริงหรอกแม่ชีหัวขาด" อ๋อมว่า "มีแต่ในหนังผีแค่นั้นแหละ" "แต่ ว่า" ต้นข้าวพูดพลางมองไปรอบๆ ตัวหวาดๆ "รุ่นพี่ที่เล่าให้ฉันฟังมา เขายืนยันเลยนะว่าเคยมีคนเห็นซิสเตอร์หัวขาดจริงๆ แล้วแถมยังฆ่าคนตายมาหลายคนแล้วด้วย" 
อ๋อมส่ายหน้า "ไม่เข้าใจเลยว่าทำไม โรงเรียนเราเป็นโรงเรียนศาสนาแท้ๆ ดันมางมงายเรื่องผีแบบนี้ แล้วยิ่งถ้าเป็นผีซิสเตอร์จริงล่ะก็ ทำไมต้องออกมาอาละวาดฆ่านักเรียนด้วยล่ะ ซิสเตอร์มีแต่จะคอยช่วยเหลือปกป้องนักเรียนมาก กว่านะ"

"เธออ่ะ ไม่รู้อะไร" ต้นข้าวพูดต่อ "ซิสเตอร์คนที่ตายน่ะ เป็นชีลับนะ ไม่เคยออกมายุ่งกับใครหรอก ไม่ว่าจะเป็นคนภายนอก นักเรียน หรือแม้แต่ซิสเตอร์ด้วยกันเอง" "ชีลับ ที่หมายถึงเจ้าสาวของพระเจ้าใช่ไหม" อ๋อมทำท่าคิดตาม "ถ้าเป็นชีลับก็ต้องสวดภาวนาอยู่แต่ในอารามสิ ยิ่งไม่น่าจะมาเป็นผีอาละวาดใหญ่เลย ว่าแต่เธอรู้กันไหม เพราะอะไร ซิสเตอร์คนนั้นถึงกลายเป็นผีหัวขาดไปได้" ครูผู้ดูแลตึกเดินเข้ามาพอดี "เอ้าเด็กๆ ได้เวลานอนแล้ว อีกสองนาทีจะดับไฟแล้วนะ" "อาจารย์เฮี้ยบมาละ เอาไว้เล่าต่อพรุ่งนี้ละกัน" ต้นข้าวว่าพลางกระโดดดึ๋งขึ้นไปนอนบนเตียงตัวเองอย่างรวดเร็ว

วันต่อมาในห้องเรียน กลุ่มเด็กสาวมารวมตัวกันที่โต๊ะของต้นข้าวรวมทั้งอ๋อมด้วย "เขาว่ากันว่า ชีลับคนนั้นได้พบกับบาทหลวงหนุ่มรูปงามและใจดี ซิสเตอร์เกิดหลงรักจนห้ามใจไม่ไหว แอบเขียนจดหมายสารภาพรักกับบาทหลวง แต่ถูกซิสเตอร์คนอื่นๆ เจอเข้าเสียก่อน จึงอับอายมาก เลยคิดฆ่าตัวตายโดยการกระโดดจากชั้นบนของอาราม มากระแทกกระจกหน้าต่าง น้ำหนักตัวทำให้กระจกที่แตกตัดคอแม่ชีจนขาดหลุดจากร่าง กระเด็นไปนอกอาราม ส่วนร่างของเธอยังตกอยู่ด้านใน นับจากนั้นเป็นต้นมา อารามนั้นก็ถูกปิดตาย แต่ก็ยังมีคนได้ยินเสียง เปียโนดังออกมาในคืนครบรอบวันตายของท่านทุกคืน เหมือนกับว่าซิสเตอร์ยังคงอยากให้ความรักของเธอส่งผ่านบทเพลงไปถึงคนที่เธอ รัก แม้ว่าจะอยู่กันคนละโลกแล้ว" "อ้าว แล้วเรื่องที่ว่าซิสเตอร์หัวขาดฆ่านักเรียนไปหลายคนล่ะ" อ๋อมถามต่อ เด็ก สาวอีกคนขยับเข้ามา "คืองี้นะ หลังจากเรื่องแม่ชีหัวขาดกระจายออกไป เขาว่ากันว่า ทุกคืนวันครบรอบถ้าใครไปที่อารามแล้วเขียนจดหมายถึง ซิสเตอร์เล่าเรื่องความรักและอธิษฐาน ซิสเตอร์จะบันดาลให้ความรักสมหวัง แต่มีข้อแม้ว่าถ้ามีเสียงอะไรแปลกๆ หรือมีใครเดินเข้ามาหา ห้ามหันไปมองเด็ดขาด ต้องอ่านจดหมายต่อจนจบ แล้วหันหลังเดินกลับหอนอนโดยห้ามหันไปมองอีกเลย"

"ก็ฟังดูใจดีนี่เนาะ" อ๋อมว่า "แต่ปัญหาคือเชื่อกันว่าคนที่ไปขอมักจะไม่รอดกลับมา เพราะอดหันไปมองไม่ได้น่ะสิ แล้วถ้าหันไปเจอซิสเตอร์หัวขาดเข้าล่ะก็ 3 ระยะเวลา" นึกภาพตามก็น่าขนลุกไม่ใช่เล่นอยู่เหมือนกันแฮะ อ๋อมคิด กลางดึกคืนหนึ่งอ๋อมลุกมาเข้าห้องน้ำ หลังออกจากห้องน้ำได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ "หืม เสียงอะไรน่ะ" เสียงลอยแว่วมานั้นทั้งๆ ที่ไพเราะแต่ก็ทำเอามือเท้าเย็นอย่างไม่มีสาเหตุ "เสียงเปียโนนี่นา" อ๋อมค่อยๆ เดินไปยังระเบียง แล้วชะโงกลงไปดูข้างล่างอย่างหวาดๆ "หรือว่านี่จะเป็นเสียงเปียโนของแม่ชีหัวขาด"

แล้วเธอก็เห็นเด็กสาว คนหนึ่งเดินถือบางอย่าง กล้าๆ กลัวๆ ไปทางอารามร้าง นั่นต้นข้าวนี่ยัยบ้าเอ๊ย ไหนว่ากลัวผีไง ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน อ๋อมรีบย่องลงจากตึกตามต้นข้าวทันที ยิ่งใกล้อารามเสียง เปียโน ก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ อ๋อมเหงื่อไหลท่วมตัวทั้งที่อากาศเย็นเฉียบ เธอรีบจ้ำเท้าเข้าไปหาต้นข้าวที่กำลังนั่งอ่านจดหมายเสียงสั่นอยู่ "ถะ ถึง ซิสเตอร์ลับที่สถิตอยู่ที่นี่ 3 ระยะเวลา" "ต้นข้าว ทำอะไรของเธอน่ะ กลับหอได้แล้ว ที่นี่น่ากลัวออก" อ๋อมกระซิบ ต้นข้าวสะดุ้งเฮือก กลัวจนตัวสั่นเทา แต่ก็ทำท่าจะอ่านจดหมายต่อไป "นี่ฉันเอง ไม่ใช่ผี หันมาเถอะ" จู่ๆ เสียงเปียโนเงียบลง เด็กสาวทั้งสองมองเข้าไปทางหน้าต่างอารามร้าง เงาร่างรางๆ ร่างหนึ่งสะท้อนกระจกหน้าต่างมาจากด้านหลัง "รีบกลับหอนอนกันเถอะ" อ๋อมพูดเสียงสั่น "ฉัน ต้องอ่านจดหมายให้จบก่อน เธอไม่เข้าใจ รึไง" ต้นข้าวยืนยันทั้งๆ ที่หน้าซีดเผือด พลางนั่งลงอ่านจดหมายต่อตะกุกตะกัก "นะ หนูชื่อ ต้นข้าว จะมาอธิษฐานขอกับซิสเตอร์"

ร่างลึกลับหยุดข้างหลังเด็กสาวทั้งสองจนต้นข้าวปากสั่นอ่านต่อไม่ได้ "อย่านะ อย่าหันไปนะ" อ๋อมกระซิบต้นข้าว ปากสั่นไม่แพ้กัน "มา ทำอะไรกันน่ะ กลับหอนอนเดี๋ยวนี้" เสียงนั้นดังมาจากด้านหลัง เป็นเสียงของครูผู้ดูแลตึกที่ทั้งสองคุ้นเคย เด็กสาวทั้งสองถอนหายใจโล่งอก "อาจารย์เฮี้ยบนี่เอง" แต่พอหันกลับไปก็ต้องหวีดร้องสุดเสียงด้วย ความตกใจกลัว, เมื่อร่างที่ยืนตระหง่านตรงหน้าเป็นร่างในชุดแม่ชีที่ปราศจากศีรษะ บนลำคอเลือดสีแดงคล้ำไหลรินส่งกลิ่นเหม็นตลบไปทั่วบริเวณ "บอกแล้ว ใช่ไหมว่าอย่าหันมา" เสียงพูดนั้น ดังมาจากศีรษะที่ถูกถือไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวของแม่ชีลับ ก่อนที่เธอจะแสยะยิ้มอย่างน่าสยดสยอง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรงแรมหลอนรูปตัวL ที่เชียงใหม่

หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น .. เพื่อนๆก็ลองเดา กันเอาน่ะครับ เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี...แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย

บ้านเก็บศพ!!ย่านบางแวก จรัญ13...เรื่องจริง!!เมื่อหนุ่มวินเข้าไปส่งของแล้วดันเจอดี

ว่ากันด้วยเรื่องสยองขวัญ... ที่หลายคนอยากรู้ ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง "เรือนหอคนตาย" ที่เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง "ตีสาม" ซึ่งเป็นเรื่องราวของคู่รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และทางครอบครัวทำใจไม่ได้เลยอยากเก็บศพเอาไว้... สำหรับพล็อตเรื่องนี้ ใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมากนักต่อนักแล้ว บ้างก็ว่าบ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมืองเอก บ้างก็ว่าตั้งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย 2 บ้างก็ว่าอยู่แถวสุวินทวงศ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่แถวหนองจอก เอาเป็นว่า คงจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายแห่งเลยทีเดียว แล้วแต่ละที่ก็คงสยองไม่แพ้กัน ส่วนวันนี้ก็ขอนำประสบการณ์จริง จากคุณมาร์ค ที่ได้เล่าเรื่องราวสุดสยองผ่านรายการเดอะช็อค เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา... ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน...โดยคุณมาร์ค ได้เปิดเผยถึงประสบการณ์ตรง ๆ ที่เจอแบบจะๆ ให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณ

เรื่องสยอง ณ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์"

ขึ้นชื่อว่า "มหาวิทยาลัย" นอกจากการศึกษาเล่าเรียนและการทำกิจกรรมที่สนุกสนานแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ขาดไปเสียมิได้ นั้นคือ "เรื่องผี" อันเป็นตำนานและเรื่องขานจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดกันมายาวนาน บางเรื่องก็ถูกปรุงแต่งขึ้น บางเรื่องก็พอมีพยานและหลักฐานประกอบ Hatyai Focus ก็ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เราจะนำเรื่องราวมาถ่ายทอด ได้แก่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" หรือ "ม.อ." ที่เราๆ พอจะทราบกันดีอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ได้เปิดทำการเรียนการสอนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลใหญ่ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่อาจจะมีพลังงานบางอย่างสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็-เป็น-ได้ 1. ตำนานอาจารย์ใหญ่ มีเรื่องเล่ากันต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่ (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาค) โดยศพของอาจารย์ใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ตึกของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในสมัยก่อนบริเวณตึกแห่งนี้ ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าที่จะ